การกลับมาของ

หนังผีไทยระดับขึ้นหิ้งที่น่ากลัวที่สุด โรแมนติกที่สุด

 เต็มไปด้วยความหลอกหลอน และสยองขำที่สุด

ประสบความสำเร็จ และได้รับเสียงตอบรับจากผู้ชมอย่างต่อเนื่องมากที่สุดตลอดกาล

 จาก บุปผาราตรี พ.ศ.2546 สู่ “บุปผาอาริกาโตะบ พ.ศ.2559

Buppha1จากลายเซ็นต์เฉพาะตัวในความเป็น

ภาพยนตร์สยองโรแมนติกระดับมาสเตอร์พีซของ

ผู้กำกับ ต้อม ยุทธเลิศ สิปปภาค

  SAHAMONGKOLFILM INTERNATIONAL  & FILMREPUBLIC

ภูมิใจเสนอ

บุปผาอาริกาโตะ

เรื่องราวความรักสุดหลอนที่ชวน ขนลุก และเสียดแทง ความกลัว

ภายใต้ ความเหน็บหนาว-หิมะขาวโพลน และ ความหวาดสะพรึงอย่างถึงขีดสุดที่ใครๆก็คาดไม่ถึง

“ความสยองขำโรแมนติกครั้งใหม่”

กับเรื่องราวใหม่

เหตุการณ์ใหม่

 ตัวละครใหม่

 โลเกชั่นใหม่

ฯลฯ

  และ…..บุปผาคนใหม่

Buppha2เก้า สุภัสสรา ธนชาต (ฮอร์โมนส์ วัยว้าวุ่น,ฝากไว้ในกายเธอ)

พร้อมการกลับมารวมตัวกันครั้งใหม่ของ

แน็ก ชาลี ปอทเจส (อาปัติ)

และ    แจ๊ค- หยก-ออฟ-อ๋อง-เก็ท

กลุ่มนักแสดงแก๊งแฟนฉันในอีก12ปีต่อมา

12 เมษายนรับปีใหม่ไทย

     

กำหนดฉาย 12 เมษายน 2559

แนวภาพยนตร์ โรแมนติก สยองขำ ชวนขนหัวลุก

สร้าง และจัดจำหน่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล

บริษัทดำเนินงานสร้าง ฟิล์มรีพับบลิค

อำนวยการสร้าง สมศักดิ์  เตชะรัตนประเสริฐ

กำกับภาพยนตร์ ยุทธเลิศ   สิปปภาค

ควมคุมการสร้าง ฐณะวัฒน์   ธรรมปรีชาพงศ์

บทภาพยนตร์ ยุทธเลิศ   สิปปภาค

กำกับภาพ ยุทธเลิศ   สิปปภาค

ควมคุมการตัดต่อ ยุทธเลิศ   สิปปภาค

กำกับศิลป์ คชา   เรืองทอง

ออกแบบเครื่องแต่งกาย ศิริวรรณ   ก้านชูช่อ

แต่งหน้า-ทำผม มานพ    จันทร์อุดม

เพลงประกอบ จะรออยู่ตรงนี้

ขับร้อง/เนื้อร้อง/ทำนอง ชาลี ปอทเจส

IMG_1311_resizeนักแสดง เก้า-สุภัสสรา ธนชาต, แน็ก-ชาลี ปอทเจส,  แจ๊ค-เฉลิมพล ฑิฆัมพรธีรวงศ์,  หยก  ธีรนิตยาธาร,  อ๋อง-ธนา ตันตรานนท์, ออฟ-อภิชาญ เฉลิมชัยนุวงศ์, เก็ท-ตรีวรัตถ์ ชุติวัฒน์ขจรชัย,  ภาวิไล, นาวิน (ต้าร์) เยาวพลกุล, อดิเรก วัฏลีลา, เกียรติศักดิ์  อุดมนาค, พงศ์เทพ อนุรัตน์,กิตติภพ ฤกษนันทน์, เจนิส รัตตกุล, ชิชา อมาตยกุล, ด.ช ภคิน รัตตกุล, เพชรพลอย กรพินธุ์สกุล

เรื่องราวของบุปผา : อาริกาโตะ

โรส(เก้า สุภัสสรา  ธนชาต) สาวสวยวัย20ผู้เพียบพร้อมทั้งฐานะและการศึกษา เธอมีชื่อจริงว่า “บุปผาราตรี” หลังจากที่โรสจับได้ว่า “แม็ค” คนรักนอกใจเธอ จากสาวสวยผู้เพียบพร้อมกลับแปรเปลี่ยนเป็นฆาตกรโหดด้วยอารมณ์เพียงชั่ววูบ หลังจากฆ่าคนรักไปแล้วโรสจึงหนีไปอยู่ที่เมือง “นิเซโกะ” ประเทศญี่ปุ่น

“ออสการ์ลอดจ์” คือบ้านเช่าที่โรสเข้าไปหลบซ่อนตัว

ที่เดียวกันนั้น คือบ้านพักที่แน็ก (ชาลี ปอทเจส) และ แก๊งเพื่อน (แจ๊ค เฉลิมพล ฑิฆัมพรธีรวงศ์), หยก (หยก ธีรนิตยาธาร), ออฟ (อภิชาญ   เฉลิมชัยนุวงศ์), อ๋อง (ธนา ตันตรานนท์), เก็ท (ตรีวรัตถ์   ชุติวัฒน์ขจรชัย) เข้าพักเพื่อมาถ่ายเอ็มวีราคาประหยัดสำหรับอัลบั้มใหม่ของแน็ก

ที่นี่เองทำให้โรสได้พบกับแน็กที่หน้าตาเหมือนกับแม็คแฟนเก่าราวกับเป็นคนคนเดียวกัน ความแค้นเข้าครอบงำเธออีกครั้ง รวมทั้งความรักด้วย

แต่ครั้งนี้เกิดขึ้นที่ ออสการ์ ลอดจ์ บ้านพักสุดเฮี้ยนที่ร่ำลือกันว่าเป็นที่สิงสถิตย์ของวิญญาณที่เคยบูชารักสุดหัวใจ

ทั้งหมดในบ้านจะมีจุดจบเช่นไร ท่ามกลางหิมะสีขาวบริสุทธิ์ สีแดงแห่งเลือดคงจะเด่นชัดยิ่งกว่าครั้งไหนๆใน “บุปผาอาริกาโตะ”

ยุทธเลิศ สิปปภาค Director’s Note

บุปผาอาริกาโตะ

บุปผาราตรีมันเป็นเหมือนปรากฎการณ์บางอย่างซึ่งมันมาจากคาแรคเตอร์  วิถีหรือความประหลาดของมันมากกว่า   มีคนเคยบอกว่ามันเป็นหนังที่มีคาแรคเตอร์  และทุกคนชอบ

IMG_0739_resizeเสน่ห์อย่างหนึ่งของบุปผาที่ได้รับรู้เสมอคือว่ามันยังเป็นหนังที่อยู่ในใจคนเสมอ มักจะถูกพูดถึงเสมอๆ มันเหมือนว่าบุปผาราตรีกับยุทธเลิศจะกลายเป็นของสิ่งเดียวกัน ซึ่งจริงๆพี่ทำมือปืนโลกพระจันพี่ทำกุมภาพันธ์ก่อนที่จะทำบุปผาราตรีอีก แต่ถ้าพูดถึงความสำเร็จในแง่การทำอะไรที่มีเอกลักษณ์ สามารถทำให้คนจดจำแล้ว  พี่ว่าโอเคบุปผาราตรีมันสำเร็จในแง่นั้น  คือมันเป็นหนังที่จริงๆแล้วรสชาติการดูหนังแบบนี้เป็นอะไรที่คนไทยคุ้นเคยอยู่แล้วนะว่ามันเป็นทั้งตลก น่ากลัว และทั้งดราม่าอยู่ด้วยกัน แต่สิ่งหนึ่งที่พี่ได้ฟีดแบ็คมาจากคนดูหนังต่างประเทศ คาแรคเตอร์ของหนังที่มันทั้งตลกทั้งน่ากลัว แล้วอยู่ด้วยกันได้ มันเป็นอะไรที่ยากที่จะชงให้มันพอดี แต่บุปผาราตรีมันหลุดออกมาอยู่ตรงนั้นได้ เป็นหนังซึ่งสามารถรวมกันอยู่ตรงนั้นได้ แล้วไอ้คาแรคเตอร์ที่แบบว่าไม่รู้จะฮาไม่รู้จะกลัวในเวลาเดียวกัน ไอ้ตรงนั้นมากกว่า พี่ว่ามันคือความสำเร็จในการสร้างคาแรคเตอร์หนังผีของพี่นะ มันจะมีทั้งตลกโรแมนติก น่ากลัว เสียดสี กัดจิกสังคม สะท้อนสังคม สะท้อนโน่นนี่นั่นไปเรื่อย ขณะเดียวกันก็ได้18+ตลอด

สำหรับบุปผาอาริกาโตะมันคือบุปผาภาคใหม่  มันไม่ใช่บุปผาภาคต่อ จะเป็นอะไรที่ใหม่ไปเลย  มันก็จะเป็นคาแรคเตอร์ใหม่ จะเป็นหนังที่คนดูก็คาดเดาไม่ถูก ซึ่งพี่คิดว่าตรงนั้นมันคืออารมณ์ใหม่ๆของการดูหนังมากกว่า คืออารมณ์ใหม่ๆ ของบุปผาที่เราจะได้ดูกัน”

เจาะลึกถึงขั้วกระดูกแต่ละตัวละครในบุปผาอาริกาโตะ

เก้า  สุภัสสรา ธนชาต 

IMG_0906_resizeนักแสดงสาววัย 20 โด่งดั่ง และประสบความสำเร็จจากจากบท  “สไปรท์” ในซีรี่ส์ “ฮอร์โมนส์ วัยว้าวุ่น”  และภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง “ฝากไว้ในกายเธอ” โดยมีผลงานต่างๆ มากมายอาทิ งานพิธีกร, การแสดงในมิวสิควิดีโอ, ซีรี่ส์, ซิทคอม, โฆษณา

การรับบทเป็น บุปผาหญิงสาว 2 บุคลิกอ่อนหวานน่ากลัวอ่อนไหวในความรัก 

สำหรับตัวละคร “บุปผาคนใหม่” คนดูจะได้เห็นตัวละครหญิงสาวที่มีอารมณ์ความรู้สึกซับซ้อนเหมือนมี2บุคลิกอยู่ในตัวคนเดียวซึ่งจะถูกเล่าผ่านมุมมองของผู้กำกับต้อมยุทธเลิศที่ตั้งใจสร้างความแตกต่างจากบุปผาราตรีเดิม

คนดูจะได้เห็นเก้าในบทแบบนี้คือจะมีทั้งซอฟท์ และรุนแรงอยู่ในตัว ซึ่งการแสดง2คาแรคเตอร์ในร่างเดียวจะต่างจากคาแรคเตอร์บุปผาเก่ามันจะมีชั้นเดียว แต่นี่2ชั้นดูเหมือนมันไม่ปกติ ซึ่งการแสดง2ชั้นแบบนี้ วิธีการของพี่มันอาจจะเวิร์คก็ได้ ด้วยความที่พี่ไม่ได้เซ็ตไม่ได้บอกอะไร มันทำให้เก้ามี Question เสมอในระหว่างเล่น เพราะงั้นมันก็จะกลายเป็นคนที่พูดอีกอย่าง แต่ข้างในนี่คิดไปไหนเราไม่รู้ ซึ่งมันเหมาะกับคาแรคเตอร์ เหมาะกับหนังเพราะว่าพอขึ้นจอหนังนี่จะเห็นลูกตาใหญ่มาก แล้วคนเรานะการแสดงดีไม่ดีมันอยู่ที่ลูกตาจริงๆ ซึ่งอันนี้มันเป็นสิ่งที่แบบถ้าผิดนิดเดียวหรือถ้าคิดอีกแบบคนจะรู้เลย เหมือนว่าเรามองตาคน เราก็รู้ว่าเราอ่านออกเราอ่านไม่ออก ถ้าอ่านไม่ออกนี่ถือว่าเป็นเทคนิคการแสดง หรือว่ามันเป็น Improvise ระหว่างทาง ซึ่งมันเกิดความลงตัวขึ้นตรงนี้ พี่มองว่าอาจจะเรียกว่าเป็นพัฒนาการการเล่นอีกแบบหนึ่งของเก้า ซึ่งเขาจะชอบหรือเปล่าไม่รู้ แต่เขาทำได้ เขาทำได้ในสิ่งที่บุปผาราตรีภาคใหม่ควรจะมี แน่นอนคือนอกจากความรุนแรง ความมี2คาแรคเตอร์ ความอ่อนหวาน ความโหดร้าย ความน่ากลัว อีกด้านในคาแรคเตอร์ของบุปผาก็คือในด้านความรัก ผู้หญิงที่อ่อนไหวในเรื่องแบบนี้ น่าจะเป็นบุปผาที่รักมากมันก็เลยเจ็บมาก พอเจ็บมากมันจะทำให้เขากลายเป็นผู้หญิงอีกแบบหนึ่ง แต่เรื่องรักก็ยังมีอยู่ แต่ไอ้ความรักนี่กลับกลายไป มุมมองความรักเปลี่ยนแปลงไป จนกระทั่งมาเจอผู้ชายคนหนึ่งที่เจอกันเพียงแค่วันสองวัน อันนี่พี่มองว่าบุคลิกแบบนี้มันครีเอท มันทำให้คนหนึ่งหลงรัก มันก็จะกลายเป็นเรื่องความโรแมนติกในหนังที่น่ากลัว ซึ่งเป็นคาแรคเตอร์ของบุปผาในความรักเรื่องนี้

แน็ก ชาลี ปอทเจส 

IMG_1139_resizeนักแสดงหนุ่มวัย23ปี อดีตนักแสดงเด็กขวัญใจผู้ชมทั่วประเทศจากบท “เจี๊ยบ” ใน “แฟนฉัน” หลังจากนั้นก็มีผลงานทางด้านการแสดงมาโดยตลอดทั้งงานภาพยนตร์,ละครเวที,มิวสิควิดีโอ,โฆษณา,ละครและรายการโทรทัศน์มีผลงานภาพยนตร์12เรื่องในรอบ12ปี และเป็นเจ้าของรางวัลพระราชทานพระสุรัสวดีนักแสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยมจาก “เด็กหอ” ปีที่ผ่านมาได้รับการพูดถึงจากบท “เณรซัน” ที่ต้องไปพัวพันกับเรื่องราวลี้ลับ และเหตุการณ์อื้อฉาวในวงศาสนาในภาพยนตร์เรื่อง “อาปัติ” และในปีที่13ในวงการบันเทิง เราจะได้เห็นบทบาทที่หลากหลายมากขึ้นในด้านการแสดงของหนุ่มแน็ก โดยเฉพาะบทพระเอกโรแมนติกอย่างเต็มตัวเป็นครั้งแรกใน “บุปผาอาริกาโตะ” ภาพยนตร์แนวโรแมนติกเลือดนองสยองขำที่เราจะได้เห็นความสามารถทั้งทางด้านการแสดง เล่นกีตาร์แต่งและร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ด้วยตัวเอง รวมทั้งยังเป็นการกลับมาร่วมงานบนจอเงินกับกลุ่มเพื่อนๆนักแสดงเด็ก “แฟนฉัน” เป็นครั้งแรกแบบพร้อมหน้าพร้อมตากันในรอบ12ปี

สำหรับบทแน็กที่ได้รับในบุปผาอาริกาโตะถือได้ว่าแตกต่างเลยจากบทบาทต่างๆที่ผ่านมา ตรงที่เรื่องนี้ตัวละครของเราเป็นผู้ชายที่จริงจังกับความรักมาก แล้วก็สามารถพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งได้ ในเรื่องก็จะเป็นศิลปิน ถือกีตาร์ตลอด แล้วก็เล่นดนตรีร้องเพลง ซึ่งตรงกับชีวิตจริงที่มีความฝันอยากทำงานเพลงของตัวเองก็เลยชวนกลุ่มเพื่อนจริงๆ ในชีวิตจริงซึ่งก็คือแจ๊ค,หยก,ออฟ,เก็ท,อ๋องจากแก๊งแฟนฉันมาช่วยกันถ่ายมิวสิควิดีโอที่ญี่ปุ่นในระหว่างนั้นก็ได้เจอกับโรสหรือบุปผาจนเกิดเป็นความรักและนำมาซึ่งเรื่องราวต่างๆมากมายที่แบบลึกลับๆและน่ากลัว” 

การรับบทเป็น แน็ก ศิลปินผู้อ่อนไหว จริงจังและพร้อมทำทุกอย่างเพื่อความรัก 

ในบุปผาอาริกาโตะเราจะได้เห็นการแสดงของแน็กอีกแบบหนึ่งในมู้ดที่ซีเรียสเรื่องความรัก ปกติเราจะได้เห็นแน็กในบทบ้าๆบอๆ แต่จริงๆแล้วแน็กเป็นคนที่ซีเรียสในการทำงาน แต่คนไม่ได้เห็นพาร์ทนั้น ครั้งนี้เราจะได้เห็นความซีเรียสจริงจัง คือในเรื่องเขาเล่นเป็นตัวเขานะ มีความเป็นศิลปิน เป็นนักแต่งเพลง เป็นนักดนตรี มันหล่อหลอมจนเหมือนไม่ได้แสดง แต่เป็นการดึงตัวตนที่ไม่มีใครเคยเห็นออกมาให้เราเห็น ซึ่งกลายเป็นผู้ชายโรแมนติก ผู้ชายที่เข้าใจหรือประคับประคองทะนุถนอมความรู้สึกของผู้หญิงแบบอบอุ่นเลย เป็นผู้ชายอบอุ่นที่แบบอยู่รายล้อมด้วยหัวโจกที่ขัดแย้งมากๆในแก๊งแฟนฉัน ไอ้แจ๊คอะไรพวกนั่น คือพี่มองถึงตัวละครตัวนี้ให้เห็นเป็นผู้ชายอ่อนไหวที่จริงจังซีเรียสและให้ความสำคัญกับความรู้สึกของคำว่ารักไม่ได้มองเป็นวัยรุ่นทั่วไปที่แบบ เฮ้ย one night stand เรื่องนี้เราจะเห็นความรักที่โตกว่าอายุของแน็ก มันจะออกมาชัดเจน ชัดๆๆๆ อารมณ์ movement คล้ายๆกับถ้าเคยดูกุมภาพันธ์น่ะ คราวนี้จะได้ดูกุมภาพันธ์แบบผีๆพี่มองอย่างนี้”   

แจ๊ค เฉลิมพล ฑิฆัมพรธีรวงศ์

IMG_1290_resize  นักแสดงอารมณ์ดีที่ประสบความสำเร็จและโด่งดังเป็นพลุแตกจาก“แฟนฉัน”ที่มาพร้อมลูกบ้าสารพัดกลายเป็นนักแสดงตลกรุ่นใหม่ที่ใครๆก็รักในความกวนมีผลงานทั้งพิธีกร,ละครไปจนถึงงานเพลง มีผลงานภาพยนตร์อย่างต่อเนื่องทั้งในฐานะนักแสดงนำและสมทบในช่วงเวลา9ปีถึง23เรื่อง อาทิ แฟนฉัน,สายลับจับบ้านเล็ก,ข้าวเหนียวหมูปิ้ง,วาไรตี้ผีฉลุย,บ้านฉันตลกไว้ก่อน, ATMเออรักเออเร่อ ,ฤดูที่ฉันเหงา ฯลฯ นอกจากนี้ยังได้รับรางวัลทางด้านการแสดงในสถาบันต่างๆมากมาย อาทิ รางวัลสตาร์เอนเตอร์เทนเมนต์,รางวัลภาพยนตร์ไทยชมรมวิจารณ์บันเทิง,รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติสุพรรณหงส์,แฮมเบอร์เกอร์อวอร์ด

การรับบท แจ๊ค  หัวโจกของเพื่อนๆ หน้าที่คือสานฝันให้มิวสิควิดีโอเพลงรักของแน็กออกมาเพอร์เฟคที่สุด  

ใน บุปผาอาริกาโตะถือได้ว่าเป็นบทที่เป็นสไตล์ในการเล่นทางใหม่มากสำหรับผม ซึ่งยังไม่เคยเล่นทางนี้มาก่อนเลย  เราจะได้เห็นกันในหนังเรื่องนี้นะครับ ปกติก็จะเห็นชอบโวยวาย แกล้งผู้หญิง ตบเพื่อน แต่อันนี้จะเป็นทางใหม่เลย เป็นแนวออกติสต์ๆนิดหนึ่งซึ่งในเรื่องนี้แจ๊คก็จะเป็นผู้กำกับนะครับซึ่งพี่ต้อมก็ตั้งใจเขียนบทขึ้นมาให้โดยเฉพาะ เพราะรู้ว่าผมฝันอยากเป็นผู้กำกับมาตั้งแต่เด็กแล้ว ก็เรียกได้ว่าตั้งใจเขียนให้ผม ให้ แน็ก และเพื่อนๆที่เคยแสดงภาพยนตร์เรื่องแฟนฉันกลับร่วมงานกันอีกครั้ง

หยก (หยก ธีรนิตยาธาร) รับบท  หยก

จากเด็กแว่นสุดเนิร์ดในแก๊งแฟนฉันกลายเป็นหนุ่มถา’ปัดนิสิตรั้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสุดหล่อที่พกพาความสูงเฉียด2เมตรหลังจากแฟนฉันหนุ่มหยกก็ยังมีผลงานทั้งละครครูไหวใจร้าย,ภาพยนตร์อีก2เรื่องที่ร่วมงานกับเพื่อนๆในแก๊งแฟนฉันอย่างสี่เซี้ยวซ่าส์เทวดาส่งมากวนและเด็กหอที่แสดงร่วมกับแน็กชาลีรวมทั้งผลงานโฆษณาเอ็มเคสุกี้

IMG_1029 (1)_resizeออฟ (อภิชาญ   เฉลิมชัยนุวงศ์) รับบท ออฟ  

เด็กอ้วนตือโป้ยก่ายจาก “แฟนฉัน” โตเป็นหนุ่มหน้าหยกรูปร่างผอมเพรียวมีผลงานทั้งละครอย่างครูไหวใจร้าย ,อยู่กับก๋งและคุณชายรณพีร์ที่หลายคนคุ้นตาในบท “ศักดา” รวมถึงผลงานภาพยนตร์อย่างสี่เซี้ยวซ่าส์เทวดาส่งมากวน ,มากับพระ,แต๋วเตะตีนระเบิด

อ๋อง (ธนา ตันตรานนท์) รับบท  อ๋อง

จากนักแสดงเด็กเติบใหญ่กลายเป็นหนุ่มผมยาวสุดติสต์ที่หลงใหลและมีฝีไม้ลายมือในงานศิลปะโดยมีอ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์เป็นไอดอล เคยร่วมเป็น1ใน10เมล็ดพันธุ์ใหม่ผู้เข้ารอบ10คนสุดท้ายที่เข้าแข่งขันในรายการ “ต้นศิลปะปี3” ART reality contest รายการแรกในเมืองไทย ที่ต้องการสืบสาน อนุรักษ์ และ พัฒนาแวดวงการศิลปะของไทย ทางทีวีไทยที่ผู้เข้ารอบทุกคนจะต้องใช้ความสามารถทางด้านศิลปะในการแข่งขัน ส่วนผลงานทางด้านการแสดงหนุ่มอ๋องฝากผลงานละคร,มิวสิควิดีโอและภาพยนตร์โดยมีภาพยนตร์เรื่อง“โด๋นัท”ที่แสดงร่วมกับ “แน็ก ชาลี” เป็นผลงานล่าสุด

เก็ท (ตรีวรัตถ์   ชุติวัฒน์ขจรชัย)  รับบท เก็ท  

นักแสดง,นักพากย์,พิธีกรวัย21ปีมีผลงานที่โดดเด่นทั้งในฐานะนักแสดง ตลอดระยะเวลา12ปีมีผลงานทางงานละครโทรทัศน์,ผลงานภาพยนตร์,โฆษณานับไม่ถ้วน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทของนักพากย์ทั้งสปอตโฆษณา  ไปจนถึงการพากย์ภาพยนตร์ทั้งไทยและต่างประเทศ รวมทั้งเป็นเจ้าของเสียงพากย์ตัวการ์ตูนแอนิเมชั่นขวัญใจเด็กๆอย่าง “ก้านกล้วย”

     แน็ก-แจ๊ค-หยก-ออฟ-อ๋อง-เก็ท

     เมื่อ2ปรากฏการณ์แฟนฉัน

          และบุปผามาเจอกัน 

    “คือพี่เอาพวกเด็กๆซึ่งเป็นกลุ่มเพื่อนที่เคยเล่นหนังแฟนฉันด้วยกันมาเล่นเป็นตัวเอง คือพอเรามีนางเอก เรามีพระเอก พอดีพี่สนิทกับแจ๊ค เคยคุยกันแจ๊คอยากเป็นผู้กำกับ พี่ก็สงสัย เฮ้ย ไอ้เพื่อนๆแฟนฉันอะไรพวกนี้มันเป็นยังไง มันแยกย้ายกันไปDSCF0173_resizeทำโน่นทำนี่อะไร พี่ก็ถามแจ๊ค ไอ้พวกนี้ถ้ากลับมารวมตัวเล่นหนังด้วยกันได้ไหม? แจ๊คบอกเดี๋ยวไปถาม ปรากฏว่าทุกคนรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้มาเจอกัน แล้วการเห็นพวกมันกลับมารวมตัวในหนังก็เออ น่ารักดี เอามาพาไปผจญภัยเหมือนเป็นแก๊งไอติมผจญภัยผีที่ญี่ปุ่นน่ะ เราก็จะได้แก๊งนี้มาเพิ่มในส่วนของความสนุกสนานที่จะเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากกลุ่มเพื่อนไปจนถึงการที่ต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ต่างๆในออสการ์ลอดจ์บนความน่ากลัวที่ดำเนินไปในเรื่องราวของบุปผา แล้วทุกคนแฮปปี้ที่จะมาอยู่ เป็นส่วนหนึ่งของบุปผาอาริกาโตะ พี่เอามารวมกันแล้วจำลองชีวิตจริงของแต่ละคน ตอนแรกเริ่มจากไอ้แน็ก เพราะการที่พี่เลือกคาแรคเตอร์ของพระเอกให้พี่เบสออนทรูคาแรคเตอร์ เบสออนชีวิตจริงมา แน็กทำอะไรได้บ้าง พี่ถาม ผมเล่นดนตรี มันก็เอาดนตรีมาโชว์ใหญ่ แจ๊คนี่พี่รู้แล้วมันอยากเป็นผู้กำกับ พี่ก็เลยเซ็ทเรื่องจากคาแรคเตอร์จริงของไอ้แน็กที่ชอบเล่นดนตรี แล้วมันก็เล่นเพลงเพราะ แต่งเองเหรอ เรียนดนตรีเหรอ เปล่าพี่ ผมเรียนรู้เอง เฮ้ยมันส์ พี่ชอบแบบนี้ คือมันสดมาก ไม่มีใครเคยเห็น ไม่มีใครคิดว่าแน็กเล่นดนตรีได้ ไม่มีใครคิดว่าจะร้องเพลงเพราะ แต่อันนี้เป็นสิ่งที่มันควรจะอยู่ในหนัง แล้วแจ็คพี่คิดต่อ ให้เป็นผู้กำกับ MV แล้วมันก็ชวนเพื่อนแก๊งทั้งหมดมาช่วยเพื่อนทำ MV. ที่ญี่ปุ่นกัน ก็จะมีไอ้หยก ไอ้หยกตัวที่ใส่แว่น ไอ้หน้าที่ไม่มีอารมณ์ ตอนนี้มันสูงมาก ถือบูมทำเสียง ไอ้เก็ท ไอ้ตัวเล็กๆเป็นอาร์ตไดในกอง ไอ้อ๋องที่เซอร์ๆ ตอนนี้มันเซอร์มากผมยาวเลย ไอ้เด็กที่ร้องโว้วๆเยเย้เป็นตากล้องออกแนวเป็นศิลปินเลยแหละ เหลือไอ้ออฟที่แต่ก่อนอ้วนมาก เดี๋ยวนี้มันผอม ออฟนี่เล่นเป็นคนจัดการกองถ่าย คนหาโลเคชั่น ทำไมไปเลือกบ้านผีสิงที่อะไรพวกนี้ ซึ่งมู้ดของผู้ชายเหมือนการรียูเนี่ยนเล็กๆ การกลับมาเจอกัน แล้วก็คุยเรื่องเก่ากันแล้วมาช่วยเหลือกันอะไรอย่างนี้ พี่มองว่า เออมันน่ารักดี เป็นพาร์ตหนังเพื่อนแบบร่วมหัวจมท้าย แล้ววันหนึ่งก็มาเจอกัน แล้วก็ทำงานด้วยกัน โดนผีหลอก

เปลี่ยนใหม่หมดสู่บุปผาอาริกาโตะ”  

ความสยองขำโรแมนติกครั้งใหม่ ของคนพ..นี้  

ประเดิมโปรเจกต์หนังผีไทยในต่างแดน 

เมื่อผลงานระดับมาสเตอร์พีซสุดคลาสสิคจะถูกรีบูทแบบยกเครื่องเปลี่ยนใหม่หมดอย่างที่ไม่มีใครคิดว่าผู้กำกับต้อมยุทธเลิศจะกล้าตั้งแต่เปลี่ยนตัวนักแสดงที่จะมารับบทบุปผาคนใหม่ บนเรื่องราวใหม่หมด ตัวละครใหม่ๆ สถานที่ถ่ายทำใหม่ๆจาก “ออสการ์อพาร์ทเมนท์” บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เหินฟ้าสู่ “นิเซโกะ ฮอกไกโด” ประเทศแจแปนท่ามกลางบรรยากาศของเมืองหิมะ ที่มาพร้อมรูปแบบและเทคนิคการถ่ายทำแบบใหม่ การแสดงแบบใหม่ และวิธีการกำกับแบบใหม่ ฯลฯ เพื่อให้ “บุปผาอาริกาโตะ” คือ “บุปผา” เรื่องใหม่สำหรับพ.ศ.นี้และเพื่อผู้ชมภาพยนตร์ยุคนี้

IMG_1117_resizeสิ่งหนึ่งซึ่งคนก็ยังถามเสมอว่ามันไม่มีหนังแบบบุปผาอีกแล้วเหรอ ไม่ทำอีกแล้วเหรอ หลังจากบุปผามันก็มีหนังอย่างอื่น หนังผี หนังตลกที่เขาพยายามมิกซ์กันตลอด ซึ่ง10ปีหลังจากบุปผาเราได้ดูหนังผีตั้งกี่100เรื่อง 100เรื่อง ก็100พล็อต โอกาสที่จะทำให้หนังผีแตกต่างกันมันเป็นไปได้ยากมาก ก็ได้มาคุยกับคุณเจียง (เสี่ยเจียง สมศักดิ์  เตะรัตนประเสริฐ ประธานบริษัทสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้อำนวยการสร้าง บุปผาอาริกาโตะ)พยายามเสนอเรื่องใหม่คือเรื่อง อาริกาโตะ ซึ่งทำใหม่ทุกอย่าง เปลี่ยนโลเกชั่นใหม่ๆไปบรรยากาศใหม่ สร้างพล็อตใหม่ๆ  แต่ตอนที่คุยกับคุณเจียง คุณเจียงก็คงเหมือนคนอื่นทั่วไปก็ยังชอบบุปผาราตรีอยู่ ก็บอกกับพี่ว่าถ้าพี่จะทำอย่างนั้น ทำไมพี่ไม่ทำบุปผาราตรีละ ถ้าบุปผาเก่าเราก็ทำให้มันใหม่ซิ  ก็เลยคิดว่าทำให้มันใหม่หมดทุกอย่าง เปลี่ยนดาราใหม่  เปลี่ยนโลเกชั่นใหม่ใช้เทคนิคการแสดงแบบใหม่ ใช้การกำกับแบบใหม่  อะไรที่มันเก่าก็ไม่ต้องทำ ใช้กล้องใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์เป็นบุปผาแบบใหม่ ซึ่งจะเป็นการประเดิมโปรเจกต์แรกของหนังผีที่มีคอนเซ็ปท์เกี่ยวกับคนไทยที่ไปตายในต่างแดนแล้วเป็นผีไทย สมมติไปตายที่อเมริกา เอ๊ะเวลาไปหลอกฝรั่งๆจะมีฟีดแบ็คอย่างไร เวลาไปตายในเขมรหรือในฮ่องกงจะเป็นอย่างไร ไปตายที่ดูไบ คือพี่มองว่ามันจะไม่ใช่หนังภาคต่อละ มันจะเป็นหนังผีภาคใหม่เรื่อยๆ เพราะว่ามันใหม่ทุกประเทศและพี่คิดว่าโปรเจกต์แบบนี้มันน่าสนุก แต่ที่เริ่มที่ญี่ปุ่นก่อน เพราะเหมือนตอนนี้คนไทยจะคุ้นเคยกับญี่ปุ่น ตั้งแต่วีซ่าเปิด คนไทยชอบไปญี่ปุ่น เราก็เลยเริ่มที่ญี่ปุ่นก่อนละกัน ทำหนังผีที่ญี่ปุ่น แล้วตัวพี่เองรู้สึกว่าหนังผีญี่ปุ่นจะเป็นหนังผีที่น่ากลัวมาก ตอนเด็กๆนะ

ถ้าดูหนังผีรองจากแม่นากแล้วก็เป็นหนังผีญี่ปุ่น ผีจีนยังไม่เท่าไหร่แต่ผีญี่ปุ่นมันจะเป็นมู้ดแบบเหมือนว่าเป็นต้นตำรับในเรื่องของความสยองขวัญแบบเย็นๆ อะไรแบบนี้ซึ่งมันจะแตกต่างจากอารมณ์ผีของไทยมาก ของไทยผีมันจะโฉ่งฉ่างมากๆ แล้วอาริกาโตะมันเป็นเหมือนในทางตลกหน่อยคือถ้าคนรู้ภาษาญี่ปุ่นมันคงเป็นคำแรกที่(หัวเราะ)เรารู้จักหรือได้ยินหรือนึกถึงกัน และที่สำคัญคือว่านี่คือโปรเจกต์หนังผี

เปิดตัวเก้า สุภัสสราเป็นบุปผาคนใหม่” 

ในบทบาทที่เรียกร้องสัญาชาตญาณทางด้านการแสดงอย่างสูงสุด

คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า“ความใหม่”แรกที่จะทำให้คนดูรู้สึกได้กับโปรเจกต์หนังผีโรแมนติกสยองขำที่อยู่ในใจคนดูมาตลอด13ปีไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพียงแค่เรื่องราว หรือบท หรือโลเกชั่น กลับกันแต่นี่คือความรู้สึกแรกที่ทุกคนจะรู้สึกได้นอกเหนือจากชื่อ “บุปผาอาริกาโตะ” นั่นคือการเปิดตัวนักแสดงที่จะมารับหน้าที่ถ่ายทอดคาแรคเตอร์สุดคลาสสิคอย่าง “บุปผาราตรี” ที่สร้างชื่อโดยเฉพาะอย่างยิ่งได้สร้างความสวย ความหลอน ให้กับคาแรคเตอร์ผีสาวได้อย่างติดตาและอยู่ในความทรงจำไปแล้วว่า “บุปผา” ต้องเป็น“พลอย เฌอมาลย์” แล้วใครกันที่จะสด มีพลังทางด้านการแสดง มีเสน่ห์ที่จะดึงดูดสายตา และกล้าพอที่จะมาเป็นบุปผาคนใหม่ และพร้อมที่จะร่วมถ่ายทอดเรื่องราวใหม่ๆของ “บุปผา” ท่ามกลางบรรยากาศของเหตุการณ์ที่แตกต่างจากบุปผาราตรีที่ทุกคนเคยสัมผัสโดยสิ้นเชิงที่แน่นอนว่าต้องอาศัยความสามารถทางด้านการแสดงที่ทั้งยากและเต็มไปด้วยความท้าทาย ในที่สุด เก้า สุภัสสรา ธนชาติ นักแสดงสาวที่โด่งดังและประสบความสำเร็จจากซีรี่ส์ “ฮอร์โมนวัยว้าวุ่น”  และภาพยนตร์สยองขวัญอย่าง “ฝากไว้ในกายเธอ” ก็ถูกเลือกให้มารับบทเป็น “บุปผาคนใหม่”

DSCF0202_resizeคือพี่ว่าบุปผาราตรีนี่ มันก็เป็นคาแรคเตอร์ที่เหมือนคนจะจำได้ สิ่งที่มันยากที่สุดคือ การจะหาบุปผาราตรีคนใหม่ แล้วแน่นอนถ้าเราจะทำใหม่ เราจะต้องหานักแสดงคนใหม่ เพราะว่าพลอย-เฌอมาลย์ เขาสวมบทเป็นบุปผาราตรีไปได้แบบ100% คือนักแสดงที่จะมารับบทบุปผาราตรี ก็จะต้องกลัวการแสดงของตัวเองเลยว่าจะไปถึงตรงนั้นได้มั้ย เพราะเขาทำไว้ดีอยู่แล้ว แต่พี่มองอย่างนี้ การที่ใครที่จะกล้ารับบทบุปผาจะไม่ธรรมดา คือไม่กลัว การที่เขากล้ารับ แสดงว่าเขาไม่กลัว คิดว่าตรงนี้มันจะเป็นมิติที่อยู่ในตัวเขาโดยอัตโนมัติ พี่ไม่รู้นะ แต่คิดเลยว่าใครกล้ารับบทบุปผา พี่ถือว่ามันผ่านในเรื่องของความกล้าในเรื่องแบบนั้นไปแล้ว 

แล้วการแสดงที่พลอยแสดง พลอยเป็นนักแสดงที่(พี่ต้อมดีดนิ้ว) รู้อยู่แล้วว่ามันติดนิ้ว แล้วคนที่จะมา มันอดเปรียบเทียบไม่ได้ พี่เข้าใจเลย คือต้องบอกอย่างนี้พี่ไม่เลือกนักแสดงจากการ casting แต่พี่เลือกนักแสดงจากการตัดสินใจรับบทบุปผา ถ้านักแสดงที่เก่งมันมีสองทาง หนึ่ง เฮ้ย กูไม่เสี่ยง มันจะมองแบบไม่คุ้มกับท้าทาย เฮ้ย ตรงนี้ที่พี่มองคือเก้าเขาตัดสินใจ แล้วพี่ก็เชื่อว่าเป็นการตัดสินใจที่ลำบากพอสมควรในการรับเรื่องนี้ แต่สัญชาตญาณสุดท้ายเขาตัดสินใจรับ พี่คิดว่าการแสดงของเก้าอาจจะมาจาก pattern ปกติ ซึ่งเขาถามพี่มาว่ามีแอคติ้งโค้ชหรือเปล่าบังเอิญกองถ่ายพี่ไม่มีแอคติ้งโค้ช เพราะพี่บอกว่าการแสดง นักแสดงต้องช่วยตัวเองนะ หนังพี่ พี่ไม่ใช่คนกำกับเก่งนะ ที่มันได้รางวัลนี่คือมันเล่นเอง มันเก่งของมันนะ พี่แค่ไกด์ พี่แค่ขุดแค่นั้นเอง ซึ่งพี่ไม่ได้ expectมากจากเก้า แต่ เวลาสั้นๆช่วงmomentสั้นๆที่เขาเรียนรู้ในการทำงานแบบ improvise  พี่ว่าเขาปรับตัวได้เร็ว แล้วเขาประคองมันอยู่ และเชื่อว่าเขาเก็บเสน่ห์ในความเป็นบุปผาราตรีไว้กับเขาได้ แต่ว่าโดยตัวเขา ตัวเขามันเหมาะ กับสายตาที่ถ่ายทอดออกมา กับความรู้สึกของเขามันไปเกินครึ่งแล้วไง ที่เหลือมันอยู่ที่การแสดงอีกนิดหน่อย ที่มันอาจจะเซอร์ไพรส์คนดูก็ได้ สิ่งที่พี่ชอบในตัวเขาคือพี่สนใจตาเขา คือเขาเป็นคนที่อาจจะคิดเยอะหรือคิดอะไรสักอย่างเสมอ เวลาพูดคุยเวลาอะไรอย่างนี้ มันไม่เหมือนเป็นการแสดงชั้นเดียว นักแสดงชั้นเดียวคืออ่านแล้วเห็นหมดเลยว่าในตาคิดอะไร แต่พี่ชอบนักแสดงที่เราไม่รู้ว่าคิดอะไร ซึ่งเหมือนพลอย-เฌอมาลย์ แล้วเราจะไม่มีทางรู้ว่าอีนี่ มึงดีมึงร้าย มึงนิ่งๆแล้วมึงยิ้มให้กูนี่ มันเป็นคาแรคเตอร์ที่มันมีบางอย่างซ่อนอยู่ ซึ่งเก้าเขามี พี่ว่าถ้าเก้ามีแบบนี้ พี่ก็โอเค มันน่าลอง แต่การเลือกเก้ามาก็คือว่าหนึ่งเขาเหมาะกับบท แล้วเขาเป็นผู้หญิงที่มีsex appeal เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ดึงดูดคนค่อนข้างเยอะ จากอะไร จากสายตา มันเหมาะที่จะเป็นบุปผาคนใหม่ ซึ่งไม่มี casting ถ้าเขาตกลงพี่ก็โอเค ซึ่งก็ไปกันเลย” 

นำไปสู่อีกรูปแบบของพัฒนาการทางด้านการแสดงที่คนดูจะได้สัมผัสจากตัวเก้าในการถ่ายทอดบทบาททางการแสดงที่เต็มไปด้วยมิติที่หลากหลายในความเป็นตัวบุปผาที่ทั้งซับซ้อนและยากจะคาดเดาที่พูดได้ว่าจะต้องใช้เสน่ห์ในตัวเอง และสัญชาตญาณทางด้านการแสดงสูงซึ่งแตกต่างจากบทบาททางด้านการแสดงที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิงจึงกล่าวได้ว่าเป็นการทำงานที่เปิดมุมมองใหม่ๆในการทำงานของเก้าสุภัสสราเลยทีเดียว

IMG_0755_resizeด้วยความที่พี่ใช้วิธีการแบบนี้ ซึ่งมันน่าจะใหม่สำหรับเก้า ใหม่มาก คำว่าใหม่ของพี่มันคือความยากของเขา มันคือความแตกต่างจากวิถีที่เขาเป็นมา แล้วพอวิถีนี้ พี่ไม่ไกด์ พี่ไม่ได้ช่วยอะไรมาก เพราะพี่บอกแล้วว่า คุณเป็นนักแสดง หน้าที่ของคุณคือโชว์ว่าคุณมีกั๊กมีกึ๋นมีความสามารถอะไรบ้าง ถ้าไม่มีคุณก็ต้องมี คือถ้าไม่เก่ง คุณต้องเก่ง เพราะถ้าไม่เก่ง คุณควบคุมไม่อยู่ คุณโดนเขาด่าแน่ๆ คุณโดนเปรียบเทียบแน่ๆ มันไม่ใช่วิธีการกำกับการแสดงมันเป็นการพูดคุยให้เขาเข้าไปถึงสมาธิ เข้าไปถึงสิ่งที่เขาต้องตัดสินใจ คือดึงอารมณ์ตัวนั้น มันจะถูกเค้นออกมาผ่านการแสดง ยกตัวอย่างจะมีอยู่ฉากหนึ่งในภาพยนตร์คือฉากร้องไห้มันดูเหมือนจะเป็นฉาก

ที่ธรรมดา คือคุณเค้นน้ำตาได้ นักแสดงที่เค้นน้ำตาได้ส่วนใหญ่ มันจะมีวิธี นึกออกไหม แต่การเค้นน้ำตาของคนที่น้ำตาไม่ได้ไหลออกมาจากความเสียใจจากการที่ใครตาย ไม่ใช่คนรักเสียชีวิต น้ำตามันจะออกมาได้เฉยๆนี่ พี่ไม่รู้เขาคิดอะไร แต่โจทย์ของพี่ก็คือว่าคุณอยู่ในภาวะที่กลัวที่สุด แล้วพี่ต้องการน้ำตา แล้วพี่ก็ถ่ายเลย พี่รอได้(หัวเราะ) คือก่อนหน้านั้นพี่กดดันอีกแบบหนึ่งนะ เก้าไม่ได้เป็นนักแสดงที่เล่นเก่ง ที่พี่เลือกเพราะว่า เก้าไม่ได้เล่นเก่งนะ แต่เก้าเหมาะ พี่บอกเก้าเสมอ เก้าเหมาะ เก้าเป็นคาแรคเตอร์ที่มีอยู่ แต่จะลองก็ได้ ให้ฉากนี้ ฉากที่ได้เป็นซีนที่น่ากลัว เจอปะทะกับผีตัวข้างหน้า แต่พี่ต้องการกลัวจนน้ำตาตก กลัวจนน้ำตามันไหลออกมา พี่ไม่เคยเป็นนักแสดงและพี่ก็ว่าพี่ทำไม่ได้ แต่ถ้าเก้าทำได้ก็ปล่อยมา ต้องไปถามเก้าเขา เขามีวิธีคิดอะไรระหว่างนั้น พี่ถึงบอกว่านี่คือวิธีเปิดโอกาส ซึ่งมันเป็นซีนสั้นๆนะปรากฎว่าเทคเดียวผ่าน พี่ว่าพี่ได้ละ พี่ลอง เก้าอีกที อีกทีไหวเปล่าได้ค่ะ อีกที ได้ค่ะ

จากออสการ์ อพาร์ทเมนท์ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ 

สู่ออสการ์ ลอจด์เมืองนิเซโกะ ประเทศ ญี่ปุ่น 

ด้วยโจทย์ที่ว่า“ทุกอย่างใหม่หมด”แน่นอนว่าไม่เพียงส่งผลต่อวิธีคิดหรือสร้างสรรค์ไอเดียชนิดที่เรียกได้ว่าต้องทำร้ายสมองกันเลยทีเดียวว่าจะทำอย่างไรให้“บุปผาอาริกาโตะ”จะต้องแตกต่างจาก“บุปผาราตรี”ที่ผู้กำกับต้อมยุทธเลิศและทีมงานที่ผ่านการทำงานร่วมกันมาตลอด13ปีโดยสิ้นเชิง เริ่มจากโลเกชั่นที่เลือกใช้ดำเนินเรื่องในการถ่ายทำและเป็นจุดเกิดเหตุสำคัญที่ผู้ชมจะได้สัมผัสกับเรื่องราวของบุปผาใหม่ในเมืองหิมะ จึงเป็นที่มาของการเหินฟ้าสู่เมืองนิเซโกะ เกาะฮอกไกโด ทางตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่นเมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีหิมะที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น สวรรค์สำหรับนักเล่นสกี


คือที่เราเลือกไปนิเซโกะเพราะว่าเป็นเมืองท่องเที่ยว และเป็นเมืองที่แบบฮิตมาก มีคนชอบคนนิยมไปเล่นสกีไปเล่นอะไรอย่างนี้ แต่ไอ้เล่นสกีนี่มันก็ยังไม่สำคัญเท่ากับหิมะ คือที่นิเซโกะนี่ เขาบอกว่าเป็นเมืองที่หิมะสวยที่สุดในญี่ปุ่น เขาเรียกว่าเป็น powder snow คือมันเหมือนแป้งโรย มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ แล้วหิมะที่นี่มันค่อนข้างหลากหลาย เราได้เห็นหิมะที่มันมีหลายแบบมากๆ มีหลายเวอร์ชั่นทั้งหิมะแบบฟูฟ่อง เป็น flake เป็นแป้ง หิมะโปรยปลิวๆเหมือนในโปสการ์ดที่เราเคยเห็นที่เขาถ่ายสวยๆที่เราก็ไม่นึกว่าจะมีอยู่จริง แล้วมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ถนนสีขาว สีขาวแบบเป็นแป้งจริงๆเลยนะ ในหนังเราก็จะได้เห็นหิมะตกเยอะๆตกเหมือนฝนก็มี ซึ่งถ้าคนชอบหิมะ พี่ชอบหิมะ แต่ไม่ชอบความหนาวนะ แต่ชอบหิมะ ก็เหมือนกับว่าบุปผาอาริกาโตะ ขอบคุณคนดูด้วยกัน พาไปดูหิมะก่อนจะหัวเราะกัน หลอนกันไปอะไรแบบนี้อย่างตอนไปถ่ายนี่ เป็นพายุหิมะ เป็นอะไรที่มันมีหลาย

แบบมาก และเป็นเมืองที่ฮิตมากสำหรับคนไทย ตอนพี่ไปถ่าย เจอคนไทยไปเยอะเลย แต่พี่ไม่ได้บอกเขาว่าพี่มาถ่ายหนัง พี่ก็นั่งแอบๆ แต่ว่าด้วยความที่เราจะไปทำให้เมืองนิเซโกะเป็นเมืองผีสิง พี่ก็เลยบอกทุกคนไปเล่นสกี ดีแล้ว ในหนังก็จะเห็นมู้ดสวย สวยงาม” 

ส่งผลให้เหล่าทีมงานนักแสดงผู้กำกับจากไทยแลนด์ดินแดนร้อนตับแตกจะต้องทำงานท่ามกลางอุณหภูมิติดลบโดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวน้อยแทบจะคนเดียวท่ามกลางนักแสดงหนุ่มๆที่จะต้องมีฉากถ่ายทำท่ามกลางหิมะที่หลากหลายทั้งพายุหิมะ หรือขึ้นกระเช้าเพื่อเข้าฉากที่ต้องเล่นสกี และกลายเป็นประสบการณ์ในการเล่นสกีครั้งแรกของ เก้า  สุภัสสรา ซึ่งรับบทเป็นบุปผาคนใหม่

มองไปทางไหนก็เห็นเป็นหิมะสีขาวๆๆๆอย่างนี้เลยค่ะ ทีแรกยังคิดเลยว่ากลับมาจะต้องตัวขาวขึ้นแน่ๆเลย เพราะว่าเราใส่ชุดกันหนาวตลอดเวลาใช่มั้ยค่ะ ปรากฎว่าไม่ค่ะ กลับมาแล้วตัวดำ (หัวเราะ) เพราะเหมือนว่าแสงมันสะท้อนหิมะ  ตอนที่ไปนิเซโกะนะค่ะประมาณลบ7ลบ8อะไรประมาณนี้นะค่ะถ้าแบบอยู่ธรรมดา แต่ถ้าขึ้นไปเล่นสกีในฉากนั้นที่มันเป็นหิมะก็ประมาณ-18เลย เพราะฉะนั้นหนาวมาก เราก็ไม่หวั่นค่ะ เพราะเราภูมิใจที่ได้เป็นบุปผา(หัวเราะ) อย่างฉากเล่นสกีก็เป็นฉากที่ประทับใจฉากหนึ่งค่ะ เพราะว่าเรียนไปไม่นานแล้วก็ต้องมาถ่ายจริง ซึ่งสนุกมากเลย ก็อยากจะกลับไปเล่นอีก 

ต้องชมพี่ต้อมค่ะเพราะเรื่องนี้พี่ต้อมรับหน้าที่ผู้กำกับเขียนบทเองและยังทั้งถ่ายและกำกับภาพเองด้วย เวลาถ่ายพี่ต้อมก็ต้องถอดถุงมือเพื่อบังคับ และควบคุมกล้องด้วยใช่มั้ยค่ะ คิดดูละกันกับอุณหภูมิติดลบขนาดนั้น เห็นว่าถึงกับมือล็อคเลย เราก็จะได้เห็นถึงความเก่ง ความอึด ความเต็มที่ของพี่ต้อมในหลายๆมุมเลย

ขณะที่สาวเก้าได้ใส่ชุดเล่นสกีเต็มยศ แต่หนุ่มแน็ก ชาลีกลับต้องถอดเสื้อดีดกีตาร์ร้องเพลงกลางหิมะตามคำสั่งของผู้กำกับต้อมยุทธเลิศท่ามกลางอุณหภูมิติดลบ แต่ถึงกระนั้นหนุ่มแน็กเองก็พูดได้ว่าเป็นนักแสดงคนเดียวในทีมที่ยืดอกรับกับสภาพของหิมะที่ตกหนักแค่ไหนก็ไม่หวั่นซึ่งรวมไปถึงการที่ต้องเผชิญกับพายุหิมะได้อย่างสบายๆ แถมกลับรู้สึกชิลชิลที่ต้องถ่ายทำท่ามกลางอุณหภูมิติดลบ โดยที่เพื่อนๆในแก๊งที่เข้าฉากด้วยกันถึงกับต้องพึ่งพายาแก้ไข้ขนานต่างๆที่หนุ่มแน็กพกติดตัวกันถ้วนหน้า

จริงๆผมไม่ขี้หนาวนะ บอกได้เลยว่าอยู่ที่พักไม่เคยใส่เสื้อแขนยาวเลย นอนก็ไม่ใส่ สบายมาก ทุกคนนี่เย็นเท้าเย็นมือกันแบบทรมานอะไรอย่างนี้ มีอยู่ฉากหนึ่งที่พี่ต้อมให้พวกเราถ่ายกลางหิมะโดยเหลือเพียงกางเกงในตัวเดียว เราก็รู้สึกว่า เอ้อ สงสารแต่ละคน แบบเหนื่อยแล้วก็ออกไปอยู่ข้างนอกทีแบบ

IMG_1398_resizeหลายชั่วโมง ซึ่งมันหนาวมาก ไม่มีที่หลบไม่มีที่อะไรอย่างนี้ รู้สึกว่ามันทรหดจริงๆเลยนะ พอดีตัวผมเองเป็นคนชอบอากาศเย็นมาก แล้วรู้สึกว่าอยู่ที่โน่นแล้วอากาศมันดีมาก กลับกันเวลาผมอยู่เมืองไทยผมป่วยบ่อยไง แต่พอไปอยู่โน่นทำให้เราแบบไม่ป่วยเลย ยาที่เอาไปแก้ป่วยหรือแก้อักเสบเพื่อนเอาไปกินหมดอะไรอย่างนี้ ซึ่งเราก็รู้สึกชอบมาก ออกไปเล่นหิมะตลอด พูดถึงความลำบาก พวกเรานี่ไปลำบากกันมาก แต่รับรองว่าคนดูนี่ ดูแล้วสนุกแน่นอน ได้คุ้มตรงที่ได้เห็นภาพที่สวยมาก หิมะที่เราไปเจอนี่ เหมือนที่บอกกันว่าเราเจอทุกรูปแบบเลย ถ่ายๆอยู่ไม่มีเลย ถ่ายๆอยู่ลงมาตู้ม จนถ่ายไม่ได้เลย หรือบางที มันมาแบบ โห มาเป็นพายุหรือแบบมาเบา มาเป็นแบบ หูย ใหญ่มาก หิมะไม่ใช่เป็นแบบเกล็ดเล็กๆนะ แต่แบบเป็นปุยใหญ่ๆมาเลย ซึ่งแบบสวยงามมากเลยในเรื่องนี้ ถ้าเป็นการถ่ายงานที่แบบมีหิมะ ก็น่าจะเป็นครั้งแรกเลยสำหรับผมที่ได้มาสถานที่ที่ขาวโพลนอะไรอย่างนี้

และแน่นอนว่าการได้มาซึ่งโลเกชั่นที่ทั้ง “ใหม่” และ “แปลกตา” คือความท้าทายที่ผู้กำกับต้อมยุทธเลิศและทีมงานตั้งใจเลือก เพียงแต่จะทำอย่างไรให้บรรยากาศที่สว่าง สดใส ขาวโพลน และสวยแบบนี้จะสะกดความรู้สึกของคนดูให้อยู่หมัดโดยเฉพาะอย่างยิ่งการสัมผัสได้ถึง “ความหลอนที่ชวนขนลุก” ภายใต้เรื่องราวของ “บุปผาอาริกาโตะ”ที่แตกต่างอย่างน่าหวาดสะพรึง

สิ่งหนึ่งที่น่าจะทำให้มันกระโดดอยู่คนละโลกกับบุปผาภาคผ่านๆมาก็คือเรื่องของโลเคชั่น โดยเฉพาะบุปผาราตรีจะมีโลเคชั่นหลักก็คือออสการ์อพาร์ตเมนท์ที่เพชรบุรีตัดใหม่ น่ากลัวมาก เห็นแล้วน่ากลัวเลย ไม่ต้องทำ ถ่ายอะไรก็น่ากลัว แต่ว่าอันนี้เป็นวิธีใหม่ของพี่ แล้วความน่ากลัวของพี่นี่ ถ้าทำแบบนั้นมันจะเก่า พี่เลยเลือกที่จะ เฮ้ย ใหม่เลย บ้านผีสิงแต่ใหม่ไง พี่เลือกอันนี้ คือเลือกโลเคชั่นที่ญี่ปุ่นเป็นบ้านทันสมัย เป็นบ้านเช่าที่ทันสมัย อยู่ในป่าเขา ที่สวย มันไม่ใช่โลเคชั่นที่น่ากลัว มันเป็นโลเคชั่นที่สวย หน้าที่พี่ยากขึ้นอีก ก็คือว่าเราจะทำยังไงให้ที่ที่สวยอย่างนั้น สว่างอย่างนั้น คือขาวหมด สว่าง ทำให้มันน่ากลัว ยากแน่นอน หลายคนถ้ามอง แค่เห็นจะน่ากลัวยังไง แต่พี่มองว่าความน่ากลัวพี่ไม่ได้เอาไปใส่ในโลเคชั่น เพราะคิดว่ามันซ้ำ ทุกคนทำมาหมดแล้ว คราบดำคราบเก่า เฮ้ย ไม่เลย คลีนๆ แต่ความน่ากลัว มันอยู่ที่สตอรี่มากกว่า ความน่ากลัวที่จะเกิดขึ้นกับคาแรคเตอร์ พี่ไปสนใจกับตรงนั้นมากกว่า ความน่ากลัวของผีที่มันอยู่ มันไม่ได้น่ากลัวตรงลุค แต่มันน่ากลัวตรงไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้น ความน่ากลัวของพี่จะเป็นเรื่องของการคาดเดาไม่ได้ ความน่ากลัวในสิ่งที่คอนโทรลไม่ได้ ผีที่สิงอยู่นั่นก็เป็นผีบ้า คาแรคเตอร์ผีบุปผาราตรีตัวใหม่ก็ซับซ้อน จะฆ่ากูหรือเปล่า ยืนอยู่ใกล้ๆมันจะแทงกูหรือเปล่า คือความน่ากลัวมันจะอยู่แบบนั้น ความน่ากลัวที่ได้มันจะมาพร้อมความใหม่ พี่สนใจความใหม่มากกว่าความซ้ำ คือถ้าน่ากลัวแล้วซ้ำ พี่ขอเดินทางใหม่

และเมื่อทุกองค์ประกอบที่เต็มไปด้วยความยากและสุดท้าทายผ่านการฝ่าฟันจากหยาดเหงื่อ ความคิด และพลังสร้างสรรค์จนถึงที่สุดผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้ทุกอุปสรรคที่เกิดขึ้นระหว่างทางกลายเป็นหลักไมล์แห่งความทรงจำที่สำคัญเมื่อย้อนกลับไปมอง โดยที่ภาพซึ่งปรากฎอยู่ตรงปลายทางข้างหน้ากลับสัมผัสได้ว่า “บุปผาอาริกาโตะ” เป็นอีกหนึ่งผลงานที่แสนท้าทายในชีวิตจนอยากให้ทุกคนได้สัมผัสเช่นเดียวกับที่บุปผาคนใหม่อย่างเก้าสุภัสสราและเหล่าหนุ่มๆจากแก๊งแฟนฉันทั้งออฟ,เก็ต,หยก,อ๋อง,แจ๊คและแน็ก รู้สึกว่าเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่คุ้มค่าเหลือเกินที่ได้กลับมาทำงานร่วมกันและทุ่มเทพลังกายและพลังใจอย่างสุดตัว 12 เมษายนนี้เตรียมสัมผัสความเหน็บหนาวที่พร้อมเสียดแทงความกลัวให้ดิ่งลึกกว่าที่เคยของ “บุปผาอาริกาโตะ” ในเดือนที่ร้อนที่สุดพร้อมกันทุกโรงภาพยนตร์