ข่าวแผ่นดินไหวที่ “ญี่ปุ่น” สร้างความสะเทือนใจให้กับคนทั้งโลก และหนึ่งในผู้ประสบภัยในครั้งนี้คือ “ผู้พันเบิร์ด-วันชนะ สวัสดี” และครอบครัวซึ่งวันน้ได้เดินทางกลับถึงไทยและปลอดภัยดี พร้อมทั้งเผยนาทีหอบลูกเมียหนีแผ่นดินไหว วิ่งลงตึก 17 ชั้น กับ ทีมข่าว “บันเทิง 108” ทาง “ช่อง 8” ที่หมายเลข 27 ว่าตนและภรรยา ตกใจในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เชื่อในความปลอดภัยของโครงสร้างตึก อีกทั้งขอส่งกำลังใจให้ผู้ประสบภัยทุกคน
อยู่ในเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น ?
“ตอนที่แผ่นดินไหวผมคิดอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกคือลงข้างล่าง อย่างที่ 2 ก็คือญี่ปุ่นเขาน่าจะสร้างตึกที่สามารถทนแผ่นดินไหวได้อยู่แล้ว คิวชูเนี่ยผมฟังข่าวตั้งแต่วันที่ผมไปแล้วว่ามันจะเกิดแผ่นดินไหวแบบนั้นแบบนี้ จริงๆ คิดไว้ในใจเหมือนกันว่าถ้าแผ่นดินไหวเราจะทำยังไง แต่ก็ไม่ได้เตรียมอะไรหรอกครับ ที่ผ่านมาเล่าได้ 2 อย่างแบบตลกก็เล่าได้(ยิ้ม) หรือจะเล่าในช่วงระยะเวลาเฉียดตายเราก็ตื่นเต้นนะ เราว่าเราเฉียดตายแล้ว แต่จริงๆ มันไม่ถึงขนาดนั้น”
เล่าให้ฟังหน่อย เหตุการณ์เป็นยังไงบ้าง ?
“วันนั้นเป็นคืนสุดท้ายที่ผมจะต้องเดินทางไปโตเกียวในวันรุ่งขึ้น ความโชคดีของผมอย่างหนึ่งคือผมแพคของเสร็จเรียบร้อยทุกอย่างแล้วเหลือแค่ชุดผม ชุดแฟน ชุดลูก แล้วก็เป้ที่ผมจะใช้ คืนวันนั้นก็นอนปกติ เวลาประมาณตี 2 ก็ได้ยินเสียงดังอ๊อดแอ๊ตก็เลยสะดุ้งตื่นขึ้นมา คือปกติก็เป็นคนตื่นง่ายตื่นไว ไม่งัวเงีย ไม่รู้เพราะเราเป็นทหารรึป่าวนะ(หัวเราะ) ตื่นปุ๊บ เราก็ตื่นตัวทันที ก็เดินไปที่ แต่มันไม่ได้ดังอยู่ตรงนี้ พอฟังดีๆ แล้วมันดังอยู่ทุกที่เลยครับ แล้วก็รู้สึกว่ามันโงนเงน ตัวยืนไม่ค่อยติด เหมือนอยู่บนเรือหรือเมาลิฟท์ แต่ความจริงคือตึกมันเอง เหวี่ยงไปเหวี่ยงมา แฟนผมตื่นขึ้นมาแล้วบอกว่าพี่เบิร์ดแผ่นดินไหว แฟนผมสติดีมากครับวิ่งไปเปิดไฟก่อน สิ่งแรกที่เขาทำคืออุ้มลูกขึ้นมาเลยครับ แล้วก็บอกลงข้างล่างๆ เปิดประตูห้องออกไปตรงช่องทางเดินทุกอย่างมันเงียบหมดเลย แต่ก็มีฝรั่งคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามาหน้าตาตื่นมาก How Do ผมก็คิดผมดูอยู่(หัวเราะ) แต่ผมเข้าใจเขานะจะให้ทำยังไง(หัวเราะ) ผมก็เข้ามาเก็บของในห้อง แล้วก็เสื้อกันหนาว ผมกลัวว่าถ้าไปติดอยู่ในสากหักพังแล้วจะหนาว(ยิ้ม) ผมโกยทุกอย่างใส่ในเป้ พร้อมกับเปิดตู้เย็น อะไรที่เป็นน้ำ น้ำเปล่า เบียร์ เหล้า ผมโกยใส่หมดเลย ยังไงต้องมีน้ำไว้ก่อน ก็น่าจะอยู่ได้ซัก 3 วัน ขนมปัง ช๊อคโกแลตอะไรก็โกยใส่เป้หมด หนักกว่าที่ผมไปเดินเที่ยวอีก(ยิ้ม) วิ่งออกไปบันไดหนีไฟ โชคดีที่บันไดหนีไฟอยู่ข้างห้องผมพอดี หันไปเห็นรถเข็นลูกก็หยิบรถเข็นลูกไปด้วย กลัวลูกนอนไม่สบาย ฝรั่งที่ Do Do อยู่เนี่ยก็มาช่วยผมขน(ยิ้ม) ลงมาได้สัก 3 ชั้นก็หันไปเห็นแฟน 17 ชั้นแฟนผมอุ้มลูกไม่ไหวแน่ก็เลยทิ้งรถเข็นไว้ แล้วก็อุ้มลูกลงไป 17 ชั้น ระหว่างที่วิ่งลงไปคิดแค่ว่าถ้าตึกพังระหว่างวิ่งลงไปผมจะทำยังไงดี จะเกาะแฟนยังไง ลูกต้องยังไง ลูกต้องปลอดภัย พยายามวิ่งให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะออกไปชั้นล่างนอกตึก พนักงานก็บอกว่าให้รอที่ล๊อบบี้ก็ได้ เขาก็รู้สึกธรรมดามากเลย เขาคงชินกับการแผ่นดินไหว”
โกลาหนกันมากไหม ?
“ไม่เลย ในช่วงระหว่างลงทุกคนมีระเบียบ ผมรู้สึกอย่างหนึ่งคือรักฝรั่งคนที่มา How Do กับผมเนี่ย(ยิ้ม) ที่ช่วยขนของเขารู้สึกเราเป็นมิตรมาก เราบอกเขา เขาก็ลงมาด้วยกัน สถานะการมันสร้างความสัมพันธ์ให้เกิดขึ้น ทุกคนมองหน้ามองตากันรู้สึกว่าเราอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน ถ้ามันเกิดเหตุการณ์ขึ้นมาจริงๆ เราพร้อมที่จะสามัคคีกัน”
ตอนนั้นคิดว่ามันเกิดที่โอซาก้าจริงๆ หรือเป็นเอฟฟเคจากคิวชู ?
“ผมรู้ทันทีว่ามันเกิดจากที่คิวชูมากกว่า เพราะก่อนหน้านี้ก็มีการรายงานข่าว เราก็ฟังข่าวมาตลอด ก็ยังคิออยู่ในใจว่าถ้ามันเกิดเหตุกาณณ์เราจะทำยังไง แต่พอมันเกิดขึ้นจริงๆ เราก็ไม่ทันคิดนะ คิอย่างเดียวว่าญี่ปุ่นเขาน่าจะสร้างตึกที่มันรองรับอยู่แล้ว สองติตสองใจจะลงหรือไม่ลงดี แต่แฟนบอกลงพี่เบิร์ดลง ผมก็ว่าตามที่แฟนบอก ปลอดภัยไว้ก่อน”
ตอนนั้นในหัวคิดอะไร ?
“เมียกับลูกต้องปลอดภัย อาหารที่ผมเอาไปเนี่ยเอาไว้สำหรับเมียกับลูกอย่างเดียว(ยิ้ม) ผมว่าถ้าเราติดอยู่ข้างในจริงๆ เรามีอาหารให้ลูกกับเมียอยู่ได้ประมาณ 3-5 วัน รถเข็นก็ลุกผมจะต้องนอนสบาย เอาเสื้อกันหนาวไปเพื่อไม่ให้เขาหนาว ผมคิดว่าอะลูมิเนี่ยมของรถเข็นถ้าถึงเวลาที่ผมต้องขุด ผมก็จะหักอันนี้ขุด(ยิ้ม) อันนี้คือสิ่งที่คิดไว้”
ประเมินสถานะการณ์ว่าจะหนัก ?
“ใช่ๆ เพราะเราไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น เพราะระหว่างที่ลงมาถ้าตึกมันเริ่ม หักเริ่มถล่ม เริ่มเอน สิ่งแรกที่คิดก็คือจะอยู่กับเมียและลูกก่อน ถ้าไปไหนไม่ได้จะอยู่ด้วยกัน ไม่แยกจากกัน”
หลังจากเหตุกาณณ์นั้นรู้สึกตัวเองโชคดี ?
“โชคดีที่เรามี่ได้เอาตัวเองเข้าไปในสถานที่ที่มันเสี่ยง อย่างในคิวชูเลย สองคือเราได้เห็นว่าแฟนผมมีสติดีมาก”
มีกระแสมากมานนาทีผู้พันเบิร์ดเฉียตาย หอบลูก หอบเมียลงตึก 17 ชั้น ?
“ผมรู้สึกอย่างหนึ่งว่าต่อให้ไม่ใช่ 17 ชั้น เป็นชั้น 70 ผมก็จะไหว(ยิ้ม ผมก็จะลงอย่างนี้แหละ ก็ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว แล้วก็กลับมาถึงเมืองไทยเรียกได้ว่าบ้านเกิดเมืองนอน มันทำให้เรารู้สึกว่าเมืองไทยเราน่าอยู่ที่สุดจริงๆ โดยธรรมชาติและแผ่นดินของเมืองไทยผมว่ามันปลอดภัย ที่เหลือก็อยู่ที่คนแล้ว เหตุกาณณ์แบบนี้ไม่อยากให้เกิดขึ้นใครเลย ร่วมทั้งครอบครัวของผมด้วย ผมและครอบครัวรวมถึงคนไทยทุกๆ คนก็ขอเป็นกำลังใจให้บุคคลที่สูญเสีย เป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ ที่คิวชูที่เขากำลังแก้ไขปัญหาอยู่ นอกจากที่คิวชูแล้วก็ยังมีที่เอกวาดอร์ก็มีแผ่นดินไหวด้วย ก็เป็นกำลังให้กับทุกคนนะครับที่ต้องเผชิญกับภัยพิบัติ ไม่อยากให้เกิด เราห้ามไม่ได้ แต่สิ่งที่เราทำๆได้คือป้องกันแล้วก็ช่วยกันแก้ไขปัญหาครับ”