ถึงขั้นต้องตั้งโต๊ะแถลงกรณี โดนคนร้ายขโมยบัตร ATM ไปกดเงินยอดเป็นแสน!! งานนี้ “บีม-ศรัณยู ประชากริช” ควงภรรยา “ชาช่า ภักค์ไพบูลย์” เปิดใจต่อหน้าสื่อมวลชนหลังถ่ายรายการ “บันเทิง 8 HOT NEWS” ทาง “ช่อง 8” ว่าตอนนี้เรื่องคลี่คลายได้เงินคือเต็มจำนวน (159,500 บาท) แต่ยังยืนยันเอาเรื่องคนร้ายให้ถึงที่สุด เพราะเป็นเรื่องของความปลอดภัย แนะธนาคาร และ สน. ควรให้ข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อการประหยัดเวลา
บัตรหายได้ไง
ชาช่า : วันนั้นกำลังขับรถไปออกกำลังกาย แล้วอยู่ดีๆ มี sms เตือนเข้ามาว่าเงินได้ออกไป 500 บาท เราก็ตกใจว่าทำไมเงินออกไป 500 จากนั้นก็มีออกไป 20,000 ติดๆ กัน จนหมด ATM เราก็ตกใจก็เลยเตรียมขับรถกลับเพื่อที่จะไปแจ้งความ ระหว่างทางก็โทรไปที่คอลเซ็นเตอร์ ธนาคารกสิกรเพื่อที่จะอายัดบัตร แล้วก็ได้มีการถามว่าคนร้ายเอาไปกดที่ไหน เขาก็บอกว่าคนร้ายเอาไปกดตู้ที่ตลาดนำชัย พอเราทราบเราก็ขับรถไปรับบีมเพื่อที่จะไปแจ้งความที่ สน.ลุมพินี
บีม : ก็ได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นที่เรียบร้อย ได้เอาเอกสารบันทึกประจำวันไปที่ธนาคารกสิกรไทย แล้วก็ธนชาติ กรุงไทยครับ
ชาช่า : พอเราไปแจ้งความที่ลุมพิธี ก็ได้ใบแจ้งความมา เราก็เอาไปให้ที่ธนาคารกสิกรก่อน เราอยากได้เป็นลายลักษณ์อักษรเตรีมเอาไว้ เพราะว่าเราไม่รู้ว่าทางตำรวจ หรือทางธนาคารอื่นจะต้องใช้หรือเปล่าก็เลยไปขอ เสร็จแล้วก็ไปที่ธนชาติ กับกรุงไทยเพื่อที่สอบถามว่าเราต้องการขอดูกล้องวงจรปิดต้องมีเอกสารอะไรบ้าง ทางธนาคารก็บอกว่าเราต้องมีหนังสือรับรองที่เป็นตราครุฑ
บัตรนี้เราไม่ค่อยได้ใช้
ชาช่า : ใช่คะ ไม่ค่อยได้ใช้ นานๆ ทีจะกดเงินจากบัตรนี้
คิดว่ามันหายไปได้ยังไง
ชาช่า : ด้วยความที่เราไม่ค่อยได้ใช้ เราก็เลยตอบไม่ได้ว่ามันหายไปได้ยังไง หายตั้งแต่วันไหน คือเราก็คิดว่าพอกดเสร็จเราก็เก็บใส่กระเป๋าตังก์ ก็จบไป ไม่ได้มานั่งเปิดดูทุกวันว่าวันนี้บัตรฉันยังอยู่ไหม
บีม : รู้ตัวอีกทีคือ sms มันแจ้งเตือนว่ามีการกดเงินออกไป ภายใน 5 นาที
ยอดเงินเท่าไหร่
บีม : ยอดทั้งหมด 159,500 บาทครับ
ชาช่า : บัตรจริงๆ เป็นของธนาคารกสิกรค่ะ แต่ว่าคนร้ายเอาไปกดที่ธนชาติ กับกรุงไทย 2 ตู้
เห็นโพสว่าธนาคารและตำรวจไม่ให้ความร่วมมือ
บีม : เราก็ไปที่ สน. ลุมพินีเพื่อขอใบรังรองตราครุฑ จะไปขอภาพวงจารปิดต่างๆ ทางร้อยเวรตอนแรกก็ไม่กล้าที่จะออกหนังสือรับรองให้ เนื่องจากว่ากลัวอำนาจหน้าที่เขาไม่พอ เพราะเราไม่ทราบว่าบัตรหายที่ไหน แต่คิดว่าหายท้องที่ลุมพินีแถวๆ บ้าน เขาก็ไม่กล้าออกให้ก็เลยแนะนำให้ผมขับรถไปที่ สน.ลาดกระบัง แจ้งความที่นั่น เขาว่าคือความผิดซึ่งหน้า เราทราบอยู่แล้วว่าคนร้ายกดอยู่ที่ลาดกระบัง ตลาดนำชัย แจ้งความที่นั่นดีกว่าเขามีอำนาจหน้าที่ได้เต็มที่กว่า เรา 2 คนก็ขับรถไปชั่วโมงกว่า ไปถึงก็ตำรวจที่นั่นก็บอกว่าไม่สามารถออกหนังสือรับรองให้ได้ เพราะว่าทำไมถึงมาแจ้งที่ปลายเหตุ ถ้าคนร้ายไปกดที่เชียงใหม่ หรืออำเภออื่นๆ ต้องตามไปแจ้งความที่นั้นเหรอ คือซึ่งมันก็มีเหตุผล แต่ก็ให้ฉันวิ่งไปวิ่งมาทั้งวันเลย เสียเวลามาก แต่ต้องเรียนตามตรงว่า สน.ลาดกระบังเขาบอกว่าเขาออกให้ได้นะ แต่ว่าต้องขอสเตสเม้นท์ หลักฐานที่ชัดเจน
ชาช่า : ซึ่งในวันนั้นทางธนาคารไม่สามารถปริ้นออกมาให้ได้ เพราะเนื่องจากว่ามันเป็นเหตุการณ์ในวันนั้นเลย มันต้องรอกอีกวันหนึ่ง สรุปวันนั้นที่ทำได้ก็คือต้องโทรเช็กที่คอลเซ็นเตอร์ ซึ่งช่าก็ทำไปตั้งแต่ตอนแรกแล้ว
บีม : ครับมันค่อนข้างที่จะใช้เวลาทั้งวัน จริงๆ ตั้งแต่เที่ยงจนถึง 3 ทุ่ม สรุปก็ไม่ได้อะไรเลย มาได้ตอนสุดท้ายที่หมวดเบนซ์เขาจัดการให้
ชาช่า : คือต้องบอกก่อนว่าวันแรกที่ช่าไปที่กสิกรเนี่ย ธนาคารมารยาทดี น่ารัก เพียงแต่ว่าอาจจะแค่นิดหนึ่งตรงที่เราไปขอบัตรคิว คือเราเข้าใจเราขอบัตรคิวทำทุกอย่างตามปกติ เพราะเข้าใจว่าทุกคนก็รีบเหมือนกัน แต่ว่าเราก็สอบถามแล้วว่าลักษณะแบบนี้เราต้องรอคิวเหรอ เขาบอกว่าต้องรอเราก็เข้าใจรอ แต่สรุปว่าจริงๆ แล้วต้องคอลเซ็นเตอร์อย่างเดียว
บีม : เราก็รอประมาณ 40 นาที เราต้องเดินไปจี้ที่พนักงานต้อนรับอีกทีหนึ่งว่าบัตรเราหาย พนักงานก็เลยไปถามคนที่เปิดบัญชี หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ระดับสูงกว่าเขา เขาก็แนะนะว่าให้โทรที่คอลเซ็นเตอร์
ชาช่า : อย่างที่บอกว่าเพราะว่าวันนั้นยังไม่สามารถปริ้นออกมาให้ได้ ก็เลยรู้สึกว่าถ้าบอกตั้งแต่แรกก็คงดี
บีม : อาจจะสื่อสารกันพลาด หรืออะไร
กลัวจะไม่ได้เงินคืน
ชาช่า : ส่วนตัวช่าเองจะพอทราบอยู่แล้ว โอเควันนั้นทั้งวันเราไม่สบายใจอยู่แล้ว กว่าจะได้ขอมูล แต่ถามว่ารู้สึกไหมว่าธนาคารทำงานช้า ไม่ได้รู้สึก เพราะเราทราบอยู่แล้วว่าธนาคารเป็นองค์กรใหญ่ มันก็ต้องตามขั้นตอน
ได้ภาพจากวงจรปิดมาแล้ว
บีม : ทางธนาคารเขาส่งให้ภายใน 3 วันแต่ด้วยความล่าช้าของสน. หรืออะไรก็ตามผมเพิ่งได้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านแล้วก็ได้เห็นภาพเป็นช่วงล่างตรงนี้มันทำให้เรารู้สึกว่าทำไมเราไม่ได้ภาพแบบชัดเจนแล้วคนร้ายเป็นใครผมก็ได้โพสไปอย่างนั้นแล้วก็ได้คุยกับผู้บริหารทีมย่อยเกี่ยวกับอิเล็กโทรนิกเป็นการส่วนตัวก็ได้ขอโทษท่านที่เราได้โพสอะไรพวกนี้เพราะเราไม่มีความเข้าใจว่าทำไมมันถึงได้ภาพแบบนั้นมาท่านก็บอกว่ามันใช่เรื่องส่วนตัวของบุคคลแต่เป็นเพราะท่านรับทำให้รีบเซ็นให้เพราะว่านี่เป็นเรื่องด่วนต้องการยื่นเพื่อให้ดำเนินคดีต่อไปที่ภาพได้มาแบบนั้นนี่คือภาพที่ได้มาโดยเร่งด่วนซึ่งตรงนี้เราก็ประสานจนวันจันทร์ที่ผ่านมาทางธนชาติก็ได้ติดต่อชาช่าได้ภาพจากกล้องวงจรปิดของทางธนาชาติมาแล้วฃ
ความคืบหน้าตอนนี้คือ
ช่าชา : ตอนนี้ตำรวจก็หาตัวคนร้าย
ทราบว่าได้เงินคืนแล้ว
ชาช่า : ทางธนาคารได้ชดเชยให้เรียบร้อยแล้ว แต่ต้องบอกแบบนี้นะคะว่าธนาคารตั้งใจที่จะชดเชยเงินให้เราอยู่แล้วก่อนที่จะทราบว่าเราจะมาแถลงข่าว อันนี้คือความจริงไม่ใช่ว่าธนาคารมาขอร้องให้พูด
บีม : ที่น่าสงสัยมากก็คือคนร้ายไม่ได้กดสุ่มรหัสเลย กดตรงตัวทีเดียว ซึ่งคนที่รู้รหัสของชาช่าแทบจะไม่มีเลย
ชาช่า : คือช่าไม่ได้ตั้งรหัสวันเดือนปีเกดิ หรืออะไรไม่ใช่เลย เป็นรหัสที่ตั้งขึ้นเอง
คิดว่าเป็นคนใกล้ตัว
ชาช่า : ตอนแรกคิดว่าอย่างนั้น แต่ว่าตอนนี้มั่นใจว่าไม่ใช่คนใกล้ตัวแน่นอนเพราะว่าตั้งแต่แต่งงานก็ย้ายมาอยู่คอนโดบีม 2 คนไม่ได้เจอใคร ถ้าจะเจอก็เพื่อนซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เพื่อนจะรู้รหัสเรา
บีม : มันไม่ใช่รหัสง่าย
ชาช่า : น่าจะเป็นการตั้งใจมากกว่า ดูเรากด แล้วก็รอจังหวะแล้วก็ขโมยตอนนั้น คิดว่าเป็นกรณีนั้นมากกว่า
ตอนนี้เรื่องคืบแค่ไหน ภาพวงจรปิดที่ได้มาชัดเจน
บีม : ภาพของทางกรุงไทยก็อย่างที่เห็นนะครับ ส่วนของธนชาติที่ส่งมาเป็นเภาพที่อัพเดตขึ้นครับ แต่ไม่สามารถบขอกได้ว่ามันจะชัดแค่ไหน เพราะทางตำรวจกลัวว่าคนร้ายจะไหวตัว ตอนนี้ก็อยู่ในข้นตอนของการตามล่า
ได้เงินคืนแล้วก็ไม่ได้ปล่อยไป
บีม : ต้องดำเนินคดีเนาะ จริงๆ รู้สึกดีกับทุกธนาคารตั้งแต่แรก แล้วพอมันมีเคสแบบนี้ขึ้นมาเราก็ไม่รู้ว่าเราต้องไปแจ้งใครก่อน เราจึงได้มาพูดคุยว่าคนที่เกิดเหตุการณ์แบบเราควรแก้ปัญหายังไง ไปที่ไหนก่อน ทางตำรวจก็ควรให้ความชัดเจนในการแจ้งความ เพื่อประหยัดเวลา แล้วทางธนาครก็ควรจะมีระบบว่าควรจะแจ้งที่ไหนก่อน