นี่คือการขับเคี่ยว เผชิญหน้า ไล่ล่า ชนิดที่เรียกได้ว่า ฆ่าไม่ได้ ตายไม่เป็น เพื่อให้สมกับไฮไลท์ที่จะเกิดขึ้นในฉากสำคัญของภาพยนตร์ “ขุนพันธ์” ที่จะต้องกำราบเสือร้ายมากฝีมือ และคงกระพันอย่าง อัลฮาวียะลู (กฤษดา สุโกศล แคลปป์) หัวหน้าโจรที่ยากในการต่อกรไม่เคยมีนายตำรวจคนใดสยบลงได้มาก่อน จนกระทั่งมาเจอกับ ขุนพันธ์ (อนันดา เอเวอริงแฮม) ซึ่งฉากนี้ต้องมีการเตรียมตัววางแผนถ่ายทำกันถึง 3 ครั้ง ซึ่งเป็นการถ่ายทำแบบมาราธอนที่ อนันดา และน้อย-กฤษดา จะต้องใช้เวลาในการถ่ายทำฉากนี้ฉากเดียวชนิดข้ามวันข้ามคืน ด้วยระยะเวลาถึง36ชั่วโมง เพื่อให้เป็นฉากไคลแมกซ์สำคัญ ที่จะมีเพียงแค่1เดียวเท่านั้นที่เหลือรอด และเป็นซีนแอคชั่นที่ น้อย-กฤษดา สุโกศล แคลปป์ ยอมรับว่าเหนื่อย และยากที่สุดของการถ่ายทำที่ไม่มีวันลืมเลยทีเดียว และต้องดวลกันตั้งแต่อาวุธปืน มีด ไปจนถึงอาคมต่ออาคมด้วย
“มันเป็นฉากแอคชั่นซีนหนึ่งแต่พอมันคือ1ซีนในสไตล์ของผกก.โขมนี่ มันจะเป็นการผสมกันระหว่างดราม่าที่อยู่ในแอคชั่นด้วยนะครับ และมันต้องทำทั้ง 2 อย่างให้ได้ แม้แต่แค่รับบทระหว่างกันและกัน กับการแอคชั่นที่จะต้องชกต่อยกันจริงๆ เวลาเราเล่นหนังมันมีโอกาสครั้งเดียว แล้วหลังจากนั้นมันก็จะอยู่ในโรงภาพยนตร์ มันจะอยู่ไปตลอดชีวิต เลยต้องทำให้ถึงทำให้ได้ครับ ผมไม่เคยที่จะต้องแสดงอยู่ในฉากยาวนานถึง36 ชั่วโมง ถ่ายตั้งแต่ 6 โมงเช้า ซีนหนึ่งนี่เล่นกันแล้วพอคัท เทค 1 เสร็จ รอเทค 2 ใหม่จนถึงเที่ยงวันต่อไป แต่มีคนอื่นด้วยที่เราเหนื่อยไปด้วยกัน ทุกคนคิดว่ายังไงมันต้องทำให้เสร็จสมบูรณ์ให้ได้ครับ ไม่เคยเล่นหนังที่เหนื่อยขนาดนี้มาก่อน เป็นซีนแอคชั่นสุดท้ายของภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย การที่ต้องมาชกต่อยกัน แทงกัน ยิงกันแล้วเป็นฉากแอคชั่นที่เหนือจริงที่มโหฬาร แล้วมันเป็นประสบการณ์ที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน เพราะมันจะต้องมีการดีไซน์โดยใช้อาคมต่อสู้ด้วย รอบตัวเรามองไปทางไหนก็มีแต่คนเสียชีวิตที่แบบเลือดไหล เหนื่อยแต่มันคุ้มครับ มันต้องทำให้ถึงแล้วมันคุ้มค่าจริงๆ”
ซึ่งทั้งคู่ต้องผ่านการฝึกซ้อมพื้นฐานในการเล่นแอคชั่น กับซูเปอร์สตาร์ทีมสตันท์ระดับพระกาฬศิษย์เอกของ พันนา ฤทธิไกร มาตั้งแต่ก่อนเปิดกล้องถ่ายทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฉากนี้ ท็อป วีระพล ภูมาตย์ฝน ผู้อยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์และออกแบบฉากแอคชั่นสำคัญๆในภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่อง ต้องคิดดีไซน์ออกแบบฉากนี้เพื่อตอบโจทย์จากจินตนาการของผู้กำกับ-ผู้เขียนบทอย่าง ก้องเกียรติ โขมศิริ ที่ต้องการนำเสนอให้เห็นการต่อสู้สุดท้ายของมหาโจรคงกระพันฆ่าไม่ตาย กับนายตำรวจผู้มีศรัทธา ซึ่งเป็นคิวการต่อสู้ที่ผสมผสานระหว่างการใช้กระสุนปืน ,มีด,กริช และมือเปล่าเข้ากับการใช้อาคม และวิชาทางไสยเวทย์ ที่เป็นความสามารถเฉพาะตัวที่โดดเด่นของทั้งคู่สื่อสารออกมา
มาพิสูจน์กันว่า“แรงกระสุนหรือจะสู่แรงศรัทธาแห่งความดีอันยิ่งใหญ่ของขุนพันธ์”ได้ในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ