โทนส์ แอนด์ ไอ (Tones And I) แจ้งเกิดไปทั่วโลกด้วยความสำเร็จของซิงเกิลฮิต ‘Dance Monkey’ ที่ขึ้นอันดับ 1 ทั้งในออสเตรเลียบ้านเกิดของเธอเอง และอังกฤษ รวมทั้งไปได้ไกลถึงอันดับ 4 ในชาร์ตเพลงฮิตของ Billboard และยังถูกสตรีมฟังกว่าสองพันล้านครั้งจนได้ Platinum Certificationจาก The RIAA ในสหรัฐอเมริกา ส่วนอีพีชุดแรกของโทนส์ แอนด์ ไอ “The Kids are Coming” ก็ขายได้ในระดับแผ่นเสียงทองคำ
หลังจากหายหน้าหายตาไปพักใหญ่ โดยมี “The Kids are Coming” เพลงชื่อเดียวกับอีพีเป็นซิงเกิลสุดท้ายที่ถูกปล่อยมาตั้งแต่เดือนกันยายน 2562 โทนส์ แอนด์ ไอ กลับมาแล้วในแบบขอมอบความสุขให้แฟนๆ เต็มที่ ด้วยการส่งซิงเกิลล่าสุดมาให้ฟังกันสองเพลงรวด “Bad Child” และ “Can’t Be Happy All The Time” ซึ่งต่างก็เป็นเพลงคนละสไตล์ ขณะที่ “Can’t Be Happy All The Time” เป็นเพลงช้า เนื้อหาพูดถึงเรื่องชื่อเสียงที่เข้ามาหาอย่างรวดเร็ว จนชีวิตต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกผัน ที่ต้องรับมือกับมันให้ได้ ซึ่งทำให้ได้เห็นศักยภาพในการร้องเพลงที่เปี่ยมอารมณ์ ความรู้สึกของโทนส์ แอนด์ ไอ ที่เมื่อถึงคราวกรีดลึกบาดใจเธอก็ทำได้ดี
ส่วน “Bad Child” จะมีจังหวะที่สนุกมากกว่า ที่สำคัญยังเป็นเพลงแรกที่โทนส์ แอนด์ ไอ เขียนเพลงด้วยวิธีที่เธอสนใจมานาน “ฉันอยากแต่งเพลงด้วยการเป็นคนอื่นบ้าง เขียนจากมุมมองของพวกเขา และ Bad Child คือครั้งแรกที่ฉันได้ทำแบบนั้น มันเป็นการมองชีวิตที่กำลังเติบโต ผ่านสายตาของคนอื่น” โทนส์ แอนด์ ไอ พูดถึงที่มาของ “Bad Child” เพลงที่ดนตรีมีสีสัน มีอารมณ์ที่หลากหลาย ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่ทำให้หลายๆ คนชื่นชอบตั้งแต่ได้ยินครั้งแรกๆ
และแฟนเพลงในบ้านเราก็สัมผัสกับ “Can’t Be Happy All the Time” และ “Bad Child” สองซิงเกิลใหม่ของโทนส์ แอนด์ ไอได้แล้วหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการฟังที่ Spotify, Apple Music, Joox, TrueID Music และDeezer โดยวอร์นเนอร์ มิวสิค