ได้เห็นโฉมหน้ากันไปแล้วเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ว่าใครคือ 20 คนที่ได้ไปต่อบนเวที “The Star Idol” บอกเลยแต่ละคนที่ผ่านเข้ารอบ ดีกรีไม่ธรรมดามีแววความเป็นสตาร์ที่พัฒนาต่อได้ เพราะนอกจากจะพกความสามารถรอบด้านมาเต็มกระเป๋า ยังมีเสน่ห์ แพรวพราว ครบเครื่อง จนทำเอาหลายคนโดนใจปักหมุดเตรียมเป็น FC กันใหญ่ เอ้า!! เราพาไปทำความรู้จักตัวตนและเส้นทางสู่การเป็น The Star Idol ของ 20 คนที่ได้ไปต่อ ก่อนจะไปทำป้ายไฟ เตรียมกรี๊ดเกาะติดขอบจอกับการแข่งขันรอบ Open Stage ที่ผู้แข่งขันทั้ง 20 คนจะมาโชว์ร้อง เต้น เสื้อผ้า หน้า ผม จัดเต็มในวันอาทิตย์นี้ (3 ต.ค.) ซึ่งผู้แข่งขัน 20 คนที่ได้ไปต่อ เป็นหนุ่ม สาว มากความสามารถจากทุกภาคทั่วไทย ใครอยู่ภาคไหน จังหวัดอะไร รอเชียร์คนบ้านเดียวกันได้เลยจ้า
ประเดิมด้วยตัวแทนชาย 1 เดียวจากภาคใต้ โอ๊ค-นันทิพัทธ์ ไกรทัศน์ หนุ่มเสียงดีวัย18ปี จากจ.ภูเก็ต กำลังเข้าศึกษาอยู่ปี1 คณะเศรษฐศาสตร์ หลักสูตร นานาชาติ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชอบฟังเพลง ร้องเพลงตั้งแต่เด็กๆ แต่ตัวจริงเป็นหนุ่มขี้อาย เลยพยายามพาตัวเองไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ และตัดสินใจก้าวเข้ามาประกวดเวที The Star Idol เพื่อพิสูจน์ตัวเอง ซึ่งบนเวทีนี้เขาก็ได้สร้างความประทับใจด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะเหมือนรุ่นพี่คนบ้านเดียวกัน โดม-จารุวัฒน์ และหน้าตาที่ละม้ายคล้าย ตู่-ภพธร ทำให้เขาเป็นอีก1หนุ่มที่ได้รับคำชมจากคณะกรรมการอย่างท่วมท้นในรอบออดิชั่น
ต่อด้วยตัวแทนจากภาคเหนือ หนุ่มน่านมาดนิ่ง เพชร-จักรเพชร ภิบาล สถาปนิกหนุ่มวัย27ปี แต่มีใจรักในเสียงดนตรี นั่งทำงานและเฝ้ามองตึกแกรมมี่มาตลอด เพื่อหวังว่าสักวันจะได้เข้ามาเป็นศิลปินและมีคอนเสิร์ตของตัวเอง เขาจึงตัดสินใจมาประกวด The Star Idol ที่ถึงแม้เขาจะมีอายุที่มากที่สุดในรายการ แต่ด้วยเสียงนุ่ม มาดสุขุม ลุคที่ดูดี ก็ทำให้เขาเข้าไปอยู่ในใจกรรมการและคนดูได้ไม่ยาก
มายด์-วรัชยา บุญญาลงกรณ์ สาวลำปาง วัย26ปี แดนเซอร์สาวเท้าไฟระดับมืออาชีพที่เคยร่วมงานกับศิลปินระดับซูเปอร์สตาร์มาแล้วนับไม่ถ้วน ด้วยความเป็นคนเบื้องหลังมานาน เธอจึงฝันอยากมายืนเป็นศิลปินแถวหน้าสักครั้ง ด้วยการหมั่นพัฒนาตัวเองบวกกับการเพิ่มทักษะด้านการร้องเพลง จึงตัดสินใจก้าวขึ้นสู่เวที The Star Idol ด้วยความมุ่งมั่นในการทำตามฝันครั้งยิ่งใหญ่ จนทำเวทีลุกเป็นไฟด้วยลุคเปรี้ยวแซ่บ ลีลาแดนซ์ไฟลุก และเสียงร้องที่เข้ากับตัวเอง ทำให้เธอเอาชนะใจ 4กรรมการไปได้แบบผ่านฉลุย
โอ-ณัทฐ์สุทธา สราญสิริบริรักษ์ หนุ่มแรปเปอร์ วัย 23ปี สายเลือดชาวลำพูน ที่เปิดตัวมาด้วยมาดหนุ่มแรปเปอร์สุดยียวน แต่กลับโชว์น้ำเสียงสุดละมุนในเพลง “เป็นไปไม่ได้” พร้อมแต่งแร๊ปใส่แบบสุดปัง จนทำเอากรรมการทึ่ง ก่อนเจ้าตัวจะถ่ายทอดเรื่องราวการสูญเสียคุณพ่อเป็นแร๊พออกมาได้เข้าถึงอารมณ์สุดๆ จนกรรมการ ลีเดีย ถึงกับมีน้ำตา และด้วยความสามารถที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบหาตัวจับได้ยาก ทำให้โอถูกคัดเลือกให้เป็น 20 คนที่ได้ไปต่อ
เตียวหุย-เพชรปรัชญา เหลืองเดชานุรักษ์ หนุ่มเหนือมาดเซอร์วัย23ปี จากจ.เชียงใหม่ เบนเส้นทางชีวิตตัวเองจากการเป็นนักกีฬามาเอาดีทางด้านการร้องเพลง และก้าวเข้ามาสู่เวทีนี้เพื่อหวังสานฝันในการเป็นศิลปิน ซึ่งด้วยความเป็นหนุ่มมาดเซอร์ที่มีดนตรีในหัวใจ บวกกับน้ำเสียงนุ่มลึกมีเอกลักษณ์ และมีเสน่ห์เฉพาะตัวที่น่าสนใจ ทำให้เขาสามารถก้าวเข้ามาเป็น 1 ใน 20 คนที่ได้ไปต่อ
จากนั้นวาร์ปไปสู่ประตูอีสาน กับ 4ตัวแทนมากความสามารถ เริ่มกันที่ พอร์ช-ตฏิณนนท์ บวรวงศ์วรรณ์ ดรัมเมเยอร์หนุ่มน้อยหน้าใส วัย16ปี จาก.นครราชสีมา เติบโตมากับครอบครัวนักดนตรี และมีความฝันอยากเป็นศิลปิน ด้วยลุคแสบ ซน หล่อใส เสน่ห์มากล้น น้ำเสียงสะกดใจ สมกับความเป็นคนดนตรี ถึงแม้ว่ากรรมการยังไม่เห็นถึงความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่กรรมการก็ยังอยากเห็นการพัฒนาในตัวพอร์ชและส่งให้เป็น 20 คนที่ได้ไปต่อ
เอินเอิน-ฟาติมา เดชะวลีกุล สาวหน้าใส เสน่ห์มากล้น จาก จ.อุบลราชธานี อายุ 16ปี ที่ก้าวเข้ามาแจกความสดใสบนเวทีด้วยความน่ารักและความสามารถรอบด้านเกินวัย ทั้งร้อง เต้น เล่นดนตรี โดยเฉพาะฝีมือการเล่นกีตาร์คลาสสิคสุดว้าว ที่กรรมการถึงกับบอกว่าคนนี้มีครบ Born to beและใกล้เคียงคำว่า The Star Idol มากที่สุด และด้วยความสามารถครบเครื่องทั้งหมดที่เธอมี ทำให้เธอได้ไปต่อบนเวทีนี้
ภูมิ-พงศ์รชตะ ไชยศิวามงคล หนุ่มกาฬสินธุ์ วัย19ปี ที่หลายคนลงความเห็นว่ามีใบหน้าเหมือนกรรมการนนท์-ธนนท์ อย่างกับคู่แฝด ภูมิใช้ดนตรีรักษาอาการซึมเศร้าหลังสูญเสียคุณพ่อจากอุบัติเหตุ ซึ่งก็ทำให้เขาได้ศึกษาดนตรีอย่างจริงจัง และนำความสามารถที่มีมาโชว์บนเวทีได้อย่างน่าทึ่ง ด้วยสไตล์การร้องและน้ำเสียงทรงพลัง บวกกับอินเนอร์ในการถ่ายทอดบทเพลงที่สามารถสะกดใจทั้ง4กรรมการ จนได้รับคำชมว่าดีไม่มีที่ติ เห็นไปถึงอนาคตความเป็นศิลปิน ความสามารถเหลือกินสุดๆ
คอปเปอร์-เดชาวัต พรเดชาพิพัฒ หนุ่มน้อยวัย 15 ปี จากจ.นครราชสีมา ที่แค่ปรากฏตัวมาบนเวที The Star Idol ก็สร้างความน่าเอ็นดูจนทำเอา 4กรรมการตกหลุมรัก กับเสน่ห์ความเป็นธรรมชาติที่สมวัย บวกกับเสียงร้องที่น่าสนใจ ยิ่งพอร้องเพลงแก้รูบิคไป ยิ้มไป ยิ่งฉายเสน่ห์ออกมามัดใจกรรมการ และเห็นแววอะไรบางอย่างในตัวคอปเปอร์ที่สามารถต่อยอดไปอีกได้ไกล แต่ก็ทิ้งท้ายว่าแค่ความน่ารักจะพอให้เขาไปต่อได้ในรอบลึกๆ หรือไม่ ซึ่งก็ต้องมาพิสูจน์กันในรอบ 20คนนี้
ปิดท้ายกันที่ตัวแทนผู้แข่งขันจากภาคกลาง ที่รวมหนุ่มสาวมากความสามารถเอาไว้หลากหลาย เริ่มต้นที่สาวน่ารักสดใสวัย 24ปี ไข่มุก-เพิร์ลรดา งามรุ่งศิริ จาก กรุงเทพมหานคร สาวน้อยนักบัลเล่ต์แชมป์ระดับเอเชียแปซิฟิค ที่มาแจกความสดใสบนเวที The Star Idol ด้วยความน่ารัก จิ้มลิ้ม น้ำเสียงกังวานใส และลีลาการโชว์บัลเลต์สวยงามสุดคลาสสิคที่มีเสน่ห์ น่าดึงดูดและความสามารถอันโดดเด่น ก็ทำให้เธอเอาชนะใจกรรมการทั้ง 4 และไปต่อเป็น 20 คนบนเวทีนี้
บูม-สหรัฐ เทียมปาน อายุ 17 ปี จาก กรุงเทพมหานคร ที่มีความฝันอยากเป็นศิลปินตามรอยไอดอลในดวงใจอย่างซูเปอร์สตาร์ เบิร์ด-ธงไชย ที่เจ้าตัวเคยมีโอกาสได้ขึ้นไปแสดงบนเวทีร่วมกับพี่เบิร์ดมาแล้ว ซึ่งเจ้าตัวก็ได้มาโชว์ทักษะการร้องเพลง เล่นดนตรี และการเต้น จนทำให้กรรมการเห็นความเป็นศิลปินในตัว บวกกับความใสซื่อ และเสน่ห์ในความเป็นตัวของตัวเอง ที่ทำให้ 4 กรรมการอยากเห็นเขาได้โชว์ศักยภาพที่มากขึ้นบนเวทีนี้และทำให้เขาได้ไปต่อ
พิม-ณิชชญา อู่นนทกานต์ สาวเปรี้ยว วัย20ปี จาก กรุงเทพมหานคร ที่มีคาแรคเตอร์เฉพาะด้วยลุคการแต่งตัว และสีผมที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ดูเฟียสมั่นใจตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่เธอกลับเป็นสายมูเตลู ชอบสวดมนต์ ไหว้พระ และมีเสน่ห์ที่ดูลงตัวพอดี อีกทั้งเธอยังสามารถโชว์เพอร์ฟอร์แมนซ์บนเวทีได้เป็นที่ประทับใจทั้งเสต็ปการเต้น และเนื้อเสียงที่ผสมผสานความเป็น R&B มีสไตล์การร้องที่มีความเป็นสากล และมี Energy ความเป็นศิลปินในตัวจนทำให้กรรมการทั้ง 4 เทใจเลือกให้ได้ไปต่อในรอบ 20 คน
แมดดอค- Maddoc Davies ลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย วัยเพียงแค่ 14 ปี จาก กรุงเทพมหานคร ที่ตัดสินใจยอมทิ้งตั๋วเครื่องบินกลับออสเตรเลียเพื่อมาออดิชั่นเวที The Star Idol ด้วยลุคฮิปฮอปและสไตล์ของหนุ่มลูกครึ่งที่มีเอกลักษณ์ แต่เจ้าตัวกลับเลือกร้องเพลงไทยอย่าง “ออเจ้า” แถมออกเสียงภาษาไทยได้ชัดจนทำให้กรรมการทึ่งกันทั้งเวที เล่นดนตรีก็ได้ เต้นก็ทำได้ดี ทำได้ทุกอย่างจนกรรมการเซอร์ไพรส์ในความสามารถ ว้าวตลอดทั้งการเพอร์ฟอร์ม ส่งผลให้เขาได้ไปโชว์ศักยภาพต่อในรอบ 20 คน
ครีมมี่-พลอยปภัส อิสระพงศ์พร สาวน้อยวัย 19 ปี นักแสดงอิสระจาก จ.นนทบุรี ที่อยากมาต่อยอดความฝันในการเป็นศิลปิน ซึ่งเจ้าตัวก็โชว์ลีลาการร้อง ออกสเต็ปทั้งแร๊พทั้งเต้น แต่เจ้าตัวก็ตื่นเต้นจนทำโชว์ออกมาผิดพลาดมีเป๋ไปชั่วขณะ แต่ 4 กรรมการกลับมองเห็นศักยภาพในตัวครีมมี่ที่สามารถไปพัฒนาต่อ และมีแววความเป็นศิลปินและเลือกเธอให้ได้เป็น 1 ใน 20 คนที่ได้ไปต่อ
กริช-รัชกฤช อารยชาญศิริ หนุ่มนักศึกษาสาขาการแสดง อายุ 19 ปี จาก กรุงเทพมหานคร อยากมาพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งหลังเคยผิดหวังจากการประกวดบนเวทีหนึ่งจนความมั่นใจสูญหาย แต่เวที The Star Idol ทำให้เขากลับมาฮึดสู้อีกครั้ง ด้วยความมุ่งมั่นที่อยากจะพัฒนาและไม่อยากทิ้งความฝันในการเป็นศิลปิน ซึ่งในครั้งนี้เขาก็โชว์ผลงานออกมาได้ดีทั้งการร้อง การเต้น และเรียกความมั่นใจของตัวเองกลับมาได้อีกครั้ง จนทำให้กรรมการมองเห็นศักยภาพ ในการผสมผสานทั้งการร้องและเต้นเข้าด้วยกันที่จะเสริมเสน่ห์ในตัวกริช จนทำให้กรรมการเลือกให้เขาได้ไปต่อในเวทีนี้
เดียร์เดียร์-ปริชญา รังสิชัยนิรันดร์ สาวสดใสวัย 21 ปี จาก กรุงเทพมหานคร ที่ก้าวขึ้นสู่เวทีนี้ด้วยรอยยิ้มสดใส และการพูดคุยที่เป็นตัวเอง เธอเปิดโชว์บนเวทีด้วยเสต็ปท์การเต้นที่ลงทุนไปเรียนไกลถึงเกาหลีได้อย่าง เก๋ เท่ห์ มีสไตล์ แม้ในจังหวะที่ร้องเพลงอาจทำให้ดูดร็อปลงไปบ้าง แต่ด้วยความสามารถที่นำไปพัฒนาได้ และเสน่ห์เฉพาะตัวบางอย่างที่ทำให้เธอฉายแววความเป็นสตาร์ จนทำให้เธอได้ก้าวเข้ามาเป็น 20 คนที่ได้ไปต่อ
หนอนน้ำ-กิจนารัตน์ นันทนรุ่งเรือง สาวเท่ห์วัย 24 ปีจาก จ.นนทบุรี ที่มาพร้อมรอยยิ้มและแววตาที่ดูจริงใจ ที่สามารถสื่อสาร และถ่ายทอดพลังบวกผ่านบทเพลงออกมา จนสามารถส่งไปถึงกรรมการและผู้ชมได้ ทำให้กรรมการเห็นแววอะไรบางอย่างในตัวหนอนน้ำ และส่งให้เธอได้ไปต่อ
ภีม-กฤษฏ์ ศตพรวรากุล หนุ่มตี๋หน้าใส วัย 16 ปี จาก จ.สระบุรี ที่ติดตามรายการเดอะสตาร์มา ตั้งแต่เด็กๆ และตั้งใจอยากมาประกวดบนเวทีนี้ให้ได้ เขาจึงหมั่นพัฒนาทุกทักษะความเป็นสตาร์ ทั้งร้องและเต้น จนตัดสินใจก้าวเข้ามาพิสูจน์ความสามารถบนเวทีนี้ ซึ่งเขาก็โชว์เพอร์ฟอร์มออกมาได้ดูดี มีบุคคลิกที่น่ามอง และมีทักษะที่น่าสนใจ สามารถนำไปพัฒนาให้ไปต่อได้ เขาจึงได้มาเป็น 1ใน20 คนที่ได้ไปต่อ
เพลง-นิรชา มีหล้า สาวหน้าใส วัย 22 ปี จาก จ. กรุงเทพมหานคร เธอเคยผิดหวังจากเวที The Star ถึง 2 ครั้ง แต่ก็ไม่ย่อท้อต่อความฝัน เธอจึงตัดสินใจคว้าโอกาสที่จะมาประกวดเวทีนี้อีกครั้ง พร้อมถ่ายทอดอารมณ์และพลังเสียงในไสตล์การร้องได้ลึกซึ้ง จนกรรมการรู้สึกได้ในสิ่งที่เธอต้องการถ่ายทอด ด้วยความสามารถ และความใจสู้ในตัวเธอที่เปล่งประกายความเป็นสตาร์ออกมา ทำให้เธอเป็นอีกคนหนึ่งที่เข้าตากรรมการและได้ไปต่อในรอบ20คน
กรณ์-พลัฏฐ์ ชยุตนิธิโรจน์ หนุ่มนักไวโอลิน วัย 22 ปี จาก จ. ปทุมธานี หนุ่มขี้อาย ที่ก้าวขึ้นเวที The Star Idol ด้วยความตื่นเวที ประหม่ามือไม้สั่น แต่พอเริ่มโชว์เท่านั้น เขาก็สวมวิญญาณความเป็นศิลปินทั้งร้อง ทั้งเต้น เสน่ห์แพรวพราว ไม่เหลือคราบหนุ่มขี้อาย แถมยังนำไวโอลินเครื่องดนตรีที่เจ้าตัวรักมาร่วมโชว์บนเวทีได้อย่างไม่ขัดหู ขัดตา สร้างความเซอร์ไพรส์และประทับใจให้กับ 4กรรมการ ซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทำให้เขาดูแตกต่างบนเวที และทำให้เขาเป็น 20 คนที่ได้ไปต่อ
เห็นเส้นทางและความพยายามของ 20 คนที่ได้ไปต่อกันแล้ว ในรอบ Open Stage ที่จะถึงในสัปดาห์หน้านี้ พวกเขาจะฝึกซ้อม และเพิ่มศักยภาพตัวเองต่อยอดจากที่กรรมการแนะนำบนเวที และพิสูจน์ความเป็น The Star Idol กับโชว์แบบเต็มรูปแบบ ทั้งร้อง เต้น เพอร์ฟอร์แมนซ์จัดเต็มแบบศิลปินตัวจริงได้น่าประทับใจขนาดไหน? ต้องรอชมกัน ขอกระซิบบอกด้วยอีกนิดว่าแต่ละคนที่ได้ไปต่อมาถึงรอบนี้ 4กรรมการเตรียมจ้องตาเขม็ง คอมเมนต์จัดหนัก ดีกรีความเฮี้ยบมาเต็ม แบบไร้ความปราณีใดๆ แล้วนะ รักใคร เชียร์ใครต้องมาคอยเอาใจช่วยกันนะจ๊ะ ในรายการ The Star Idol วันอาทิตย์ที่ 3 ต.ค.นี้ 6โมงเย็น ทางช่องวัน31