พวกเธอเริ่ด พวกเธอแซ่บ กล้าบ้าบิ่นไม่เป็นรองใคร! ภาพยนต์สุดเปรี้ยวที่สร้างจากเหตุการณ์จริงของแกงค์วัยรุ่น 1 หนุ่ม 4 สาวซ่าส์ผู้หลงใหลในชีวิตอันหรูหราของบรรดาเซเลบแห่งวงการฮอลลิวู้ด จนทำให้พวกเธอคิดแผนการปล้นสุดแสบในการบุกถึงบ้านคนดัง และสามารถกวาดเสื้อผ้า เครื่องประดับ รวมทั้งข้าวของ ระดับไฮเอนด์ ของบรรดาเซเลบที่ทุกคนรู้จักกันดีไม่ว่าจะเป็น ปารีส ฮิลตัน ลินด์เซย์ โลฮาน เมแกน ฟอกซ์ มิแรนด้า เคอร์ นับรวมมูลค่ากว่า 3 ล้านดอลลาร์ไปได้อย่างเหลือเชื่อ! พวกเธอทำได้อย่างไรกัน?!
The Bling Ring คือผลงานเรื่องล่าสุดผู้ของกำกับหญิงชาวอเมริกันที่ได้เป็นเจ้าของรางวัลออสการ์จากผลงานเรื่อง Lost in Translation อย่าง โซเฟีย คอปโปลา และถือเป็นการพลิกโฉมครั้งยิ่งใหญ่จากสาวน้อยผู้คงแก่เรียนกลายมาเป็นหัวหน้าแกงค์สาวเปรี้ยวสุดแสบของ เอมม่า วัตสัน ที่นักวิจารณ์ทั่วโลกต่างพร้อมใจยกนิ้วให้ฝีมือการแสดงของเธอ
เกี่ยวกับงานสร้าง
ก่อนหน้านี้ผู้กำกับสาวคนเก่งแห่งฮอลลิวู้ด โซเฟียคอปโปลา เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับกลุ่มหัวขโมยวัยรุ่นที่มีชื่อว่า “Bling Ring” มาก่อน แต่เมื่อเธอได้อ่านบทความของแนนซี่ โจ เซลส์ที่มีชื่อว่า“The Suspects Wore Louboutins”ในนิตยสาร Vanity Fair นั่นคือครั้งแรก ที่เธอเริ่มมีความคิดในการสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับการขโมยของวัยรุ่นกลุ่มนี้ หลังจากได้พบปะเป็นการส่วนตัวกับแนนซี่ ผู้เขียนบทความ คอปโปลาค้นพบว่าเรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อเรื่องนี้ ยังมีรายละเอียดและแง่มุมที่น่าสนใจอีกมากมายซึ่งไม่ได้ถูกเขียนลงไปในบทความที่เธอได้อ่าน
การทำให้เรื่องราวเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน กลายมาเป็นบทภาพยนตร์นั้น ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในความท้าทายสุดหินในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้สำหรับ ผู้กำกับสาวเจ้าของรางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอย่างโซเฟีย คอปโปลา
“มีรายละเอียดมากมายจากเหตุการณ์นี้ค่ะ ซึ่งทำให้ฉันต้องทำการค้นคว้าอย่างหนัก เพื่อทำให้มันออกมาเป็นบทภาพยนตร์หนึ่งเรื่อง รวมทั้งยังต้องสร้างความสมจริงให้กับตัวละครแต่ละตัว ซึ่งเป็นอะไรที่ยากมาก เมื่อฉันเริ่มต้นเขียนบท แนนซี่ โจ ได้มอบต้นฉบับของบทสัมภาษณ์ที่เธอมีกับเด็กๆตัวจริง ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเขาจะพูดประโยคเหล่านั้นออกมาจริงๆในการสัมภาษณ์ มันแสดงให้เห็นถึงตัวตนและเป้าหมายของพวกเขา รวมทั้งยังสะท้อนให้เห็นแง่มุมเกี่ยวกับวัฒนธรรมในยุคปัจจุบันอีกด้วย การได้รู้เรื่องราวเหล่านี้มอบไอเดียให้ฉันลองใช้ประสบการณ์ที่เคยมีในวัยเด็กของตนเอง แม้จะไม่ได้มีประสบการณ์ที่ตรงกัน แต่การหวนระลึกถึงเรื่องที่เคยผ่านมาตอนอายุเท่านั้น และการได้ลองจินตนาการดูว่าตนเองจะทำอย่างไรเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเด็กๆกลุ่มนี้ สำหรับตัวละคร ฉันสร้างทุกตันขึ้นมาโดยมีพื้นฐานจากเรื่องราวจริงๆ ผสมกับผู้คนที่ฉันเคยพบมา” ผู้อำนวยการสร้างยูรี เฮนลีย์ เคยร่วมงานกับโซเฟีย คอปโปลามาแล้วในภาพยนตร์เรื่อง SOMEWHERE ซึ่งเธอได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลงานการเขียนบทภาพยนตร์ของคอปโปลาในภาพยนตร์เรื่องล่าสุดไว้ว่า “ เป็นอะไรที่เรียบง่าย เหมือนอย่างที่งานของคอปโปลาเคยเป็น ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้อ่านมันและลองวาดภาพเรื่องราวทั้งหมด ฉันและคอปโปลาได้พูดคุยกันเกี่ยวกับสิ่งที่เธอจะต้องการสร้างออกมาในภาพยนตร์ มันเป็นอะไรที่น่าสนใจมากกับรายละเอียดต่างๆในภาพยนตร์”
เกี่ยวกับนักแสดง
หนึ่งในสิ่งสำคัญสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือทีมนักแสดงที่จะมารับบท 5 วัยรุ่น ซึ่งรวมตัวกันในนาม The Bling Ring โซเฟีย คอปโปลาและทีมงานฝ่ายคัดเลือกนักแสดงของเธออย่าง นิโคล ดาเนียลส์ คอร์ทนีย์ เชนีน และผู้อำนวยการสร้างเฟร็ด รูส ได้ใช้เวลามากกว่า 1 ปีในการตามหาทีมนักแสดงที่สมบูรณ์แบบสำหรับพวกเขา
คอปโปลาเล่าว่า “สำหรับฉันการตามหาทีมนักแสดง 5 คนที่เหมาะสมกับบทบาทนั้นถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก พวกเขาควรจะมีอายุจริงเท่ากับตัวละครในเรื่องด้วย เพราะฉันไม่ชอบเลยเวลาที่เห็นนักแสดงอายุ 25 ปี ต้องมารับบทเป็นวัยรุ่น สำหรับทีมนักแสดงจากภาพยนตร์เรื่องนี้ พวกเขาทำให้ฉันรู้สึกพอใจมากค่ะ ทุกๆคนมีส่วนที่คล้ายคลึงกับตัวละครจริง เป็นอะไรที่สนุกมากในการได้ร่วมงามกับเอ็มมา วัตสันซึ่งต้องพลิกบทบาทอย่างยกใหญ่ในการรับบทนี้ ทั้งบุคลิกซึ่งแตกต่างจากตัวตนที่แท้จริงของเธอ สำเนียงการพูด มันเจ๋งมากค่ะที่ให้เห็นเธอแปลงร่างกลายเป็นอีกคนหนึ่ง เด็กๆทุกคนทำงานอย่างเป็นมืออาชีพมาก” ผู้อำนวยการสร้างเฮนลีย์กล่าวต่อว่า”สิ่งที่สำคัญอีกอย่างก็คือการกระจายความสมดุลให้แก่ตัวละครทุกตัว ไม่มีใครที่เด่นเกินใคร พวกเขาทุกคนทำงานร่วมกันเป็นทีม” นักแสดงทั้ง 5 ประกอบด้วย เอ็มมา วัตสัน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีจากบทเฮอร์ไมโอนี ในภาพยนตรเรื่อง HARRY POTTER ,ทาอิสซา ฟาร์มิก้า จากซีรีส์สุดฮอต “American Horror Story” อิสราเอล บรูซซาร์ด จากภาพยนตร์เรื่อง FLIPPED และนักแสดงสาวน้องใหม่ แคลร์ จูเลียน และ เคที่ ชาง คอปโปลาได้พูดถึงการทำงานร่วมกับทีมนักแสดงว่า “ ฉันคิดว่ามันเป็นอะไรที่สนุกและทำให้รู้สึกมีพลังดีค่ะ สำหรับการทำงานร่วมกับทีมนักแสดงรุ่นใหม่ เพราะพวกเขาไม่เคยแสดงในภาพยนตร์มาก่อน พวกเขาเปิดรับ พร้อมที่จะเรียนรู้ นอกจากนี้ยังทุ่มเทและมีความเป็นมืออาชีพมากอีกด้วย ถึงเอ็มมาจะเคยแสดงในภาพยนตร์เรื่องอื่นมาก่อนแล้ว แต่เธอก็มีความกระตือรือร้นมากค่ะ ”
เอ็มมา วัตสัน รับบท นิกกี้
นักแสดงสาวคนดังที่ทั่วโลกต้องรู้จัก เปิดเผยความรู้สึกของเธอเกี่ยวกับการเข้ามารับบทนำในภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า “ฉันตัดสินใจที่จะแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้เพราะ ตัวฉันเอง เอ็มมา คงจะไม่มีทางทำสิ่งเหล่านี้แน่นอนในชีวิตจริง มันเป็นอะไรที่สนุกดีค่ะ ในการได้ค้นพบด้านอื่นๆในตัวเองผ่านการแสดงเป็นตัวละครนี้ มันเปิดโอกาสให้ฉันได้ลองทำอะไรบ้าๆเยอะมาก”
แม้ตัวละครนี้จะถือเป็นการฉีกแนวไปจากบทบาทเดิมๆของวัตสันอย่างสิ้นเชิง แต่ผู้กำกับ โซเฟีย คอปโปลาก็รู้ดีว่านักแสดงสาว คือตัวเลือกที่ใช่สำหรับบท นิกกี้ “ฉันได้พบกับเอ็มมาที่นิวยอร์คและรู้สึกประทับใจในตัวเธอมาก แม้เธอจะมีสำเนียงการพูดแบบอังกฤษและมีบุคลิกที่แตกต่างจากตัวละครอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นมันจึงเป็นอะไรที่ยากนิดหน่อยในการจินตนาการถึงเธอในบทบาทนี้ในตอนแรก แต่เมื่อเธอทำการออดิชั่นให้ฉันดู มันทำให้ฉันรู้สึกประทับใจมากกับการเปลี่ยนแปลงของเธอ เธอทำให้ตัวละครดูมีชีวิตจริง เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมากค่ะ”
ทาอิสซา ฟาร์มิก้า รับบท แซม
ทาอิสซา ฟาร์มิก้า รับบทน้องบุญธรรมของนิกกี้ “แซมแค่อยากที่จะเล่นสนุก หนึ่งในสิ่งที่โซเฟียให้พวกเราทำก็คือการทำป้ายแผนภาพเกี่ยวกับสิ่งที่เราอยากจะเป็นในอีก 5 ปีข้างหน้า สิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้แก่เรา สิ่งที่เราอยากจะทำ หนึ่งในรูปภาพที่ฉันพบมีประโยคที่เขียนว่า “ทำอะไรก็ได้ที่ โคตรพอใจ!”ซึ่งนั่นถือเป็นประโยคที่อธิบายตัวตนของแซมได้เป็นอย่างดี เธอแค่มองหาความสนุกเท่านั้นเองค่ะ”
อิสราเอล บรูซซาร์ด รับบท มาร์ค
มาร์ค รับบทโดย อิสราเอล บรูซซาร์ด นักเรียนเข้าใหม่ซึ่งกลายมาเป็นเพื่อชายคนสนิทของรีเบคก้า ซึ่งรับบทโดย เคที่ ชาง บรูซซาร์ดเล่าถึงตัวละครของเขาว่า “ มาร์คเป็นคนที่รู้สึกเกลียดตัวเอง ผมมีความรู้สึกเชื่อมโยงกับตัวเขาครับ เพราะผมเติบโตในมิสซิสซิปปี้ และไม่ได้เป็นเด็กที่เป็นที่นิยมนักในหมู่เพื่อนฝูง ซึ่งทำให้ผมไม่อยากที่จะไปโรงเรียน เพราะไม่ชอบเพื่อนร่วมชั้นเรียน ผมคิดว่าเมื่อคุณได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ครั้งแรก ในตอนเริ่มต้น มาร์คเป็นคนที๋โดดเดี่ยวมาก เมื่อเขาได้พบกับรีเบคก้าและกลายมาเป็นเพื่อนกัน ยิ่งใช้เวลาด้วยกันมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งถูกดึงดูดให้เข้าหาเธอมากขึ้นเท่านั้น แต่เมื่อทุกอย่างพังทลายลง เมื่อรีเบคก้าทรยศเขา มันกลายเป็นสิ่งที่ทำให้มาร์คเรียนรู้และเติบโตขึ้น”
“ผมคิดว่าโซเฟีย อยากให้มาร์คเป็นหัวใจสำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้ มันมีบางสิ่งที่น่าสงสารให้ตัวเขา ซึ่งผมหวังว่าตัวเองจะแสดงมันออกมาได้ดีและสื่อไปถึงผู้ชมได้ครับ”
หนึ่งในสิ่งที่บรูซซาร์ดพบว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายที่สุดในการรับบทมาร์คก็คือ ความรักในแฟชั่นของมาร์ค “ ผมจำได้ว่าตัวเองมีปัญหามากกับเรื่องของแฟชั่น “ บรูซซาร์ดกล่าว “ โซเฟียแนะนำผมให้ฝึกฝนกับโค้ลสอนการแสดง เพื่อให้ผมรู้สึกอินไปกับมันครับ เพราะปกติแล้ว ผมไม่ได้เป็นคนที่หลงใหลในเรื่องของแฟชั่นเหมือนมาร์ค สิ่งที่ผมชอบก็คือเรื่องของดนตรี ซึ่งผมก็จะพยายามคิดว่า แฟชั่นสำหรับมาร์ค ก็เหมือนดนตรีสำหรับผมครับ”
แคลร์ จูเลียน รับบท โคลเอ้
เพราะแคลร์ จูเลียน ผู้เป็นลูกสาวของนักถ่ายทำภาพยนตร์เจ้าของรางวัลออสการ์ วอลลี ฟิสเตอร์ จึงทำให้สาวน้อยคนนี้ได้เติบมาในแวดวงของฮอลลิวู้ด ซึ่งถือเป็นผลดีอย่างมากในการช่วยให้เธอเขาถึงบทบาทการแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ง่ายขึ้น
จูเลียนเล่าว่า “ ถ้าต้องใช้คำๆเดียวในการอธิบายตัวตนของโคลเอ้ คำนั้นก็คือ “ตัวแสบ” โคลเอ้ถือเป็นคนที่มีบุคลิกที่แสบซาส์ที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้ เธอเป็นคนตลกและจริงๆแล้วก็เป็นคนฉลาด เธอเป็นอาชญากรที่ยอดเยี่ยม มันเป็นอะไรที่สนุกมากค่ะในการได้รับบทเป็นตัวละครตัวนี้ ผู้คนรอบข้างต่างพูดกับว่าฉันเหมาะกับตัวละครนี้จริงๆ ซึ่งฉันก็รู้สึกเห็นด้วยในบางส่วน เพราะฉันคงจะไม่ทำหรือเลือกทำอะไรแบบเดียวกับโคลเอ้ แต่เราก็มีความคล้ายคลึงกันในบางส่วน เช่น อารมณ์ขัน รสนิยมทางดนตรี เราพูดจาคล้ายๆกันค่ะ”
นอกจากนี้ เมื่อพูดถึงเรื่องของวงการภาพยนตร์ ฉันมีความรู้สึกว่าตัวเองมีประสบการณ์มากกว่าคนอื่น แต่ไม่ใช่ในแง่ของการแสดงเพราะนี้คือภาพยนตร์เรื่องแรกของฉัน แต่ฉันมีประสบการณ์มากมายกับทีมงานและในกองถ่าย ฉันได้พูดคุยกับผู้คนมากมายเกี่ยวกับวิธีการทำงาน ซึ่งเป็นอะไรที่น่าสนใจมากค่ะ”
เอ็มมา วัตสันกล่าวชื่นชมในความสามารถของเพื่อนนักแสดงว่า “แคลร์เป็นคนที่น่าทึ่งมาก เธอคือโคลเอ้จริงๆ และเป็นคนที่คอยให้ข้อมูลฉันมากมายเกี่ยวกับแอลเอ เธอช่วยเหลือได้มากจริงๆค่ะ”
เคที่ ชาง รับบท รีเบคก้า
นักแสดงสาวหน้าใหม่ เคที่ ชางรับบทรีเบคก้า หัวหน้าทีมสุดแสบของแกงค์
“เธอเป็นคนที่อารมณ์รุนแรงและเอาจริงเอาจังกับสิ่งที่ต้องการค่ะ” ชางเล่าเกี่ยวกับตัวละครของเธอ “รีเบคก้าเป็นคนที่หมกมุ่นในเรื่องราวเกี่ยวกับเซเลบ รวมทั้งวิถีชีวิตที่หรูหราฟู่ฟ่าซึ่งเธอยากจะมี สิ่งที่ถือเป็นปัญหาสำหรับฉันในการแสเงภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือเรื่องของบท เพราะบทของโซเฟีย ขึ้นชื่อในเรื่องความเรียบง่าย ผลงานของเธอนั้นโดดเด่นในเรื่องของภาพและสีที่เป็นตัวสื่อความรู้สึกมากกว่า ดังนั้นในฐานะนักแสดงฉันจึงต้องสร้างตัวตนของเธอขึ้นมาให้ดูมีชีวิตจริงมากที่สุดด้วยตัวเอง”
ด้านผู้กำกับโซเฟีย คอปโปลา พูดถึงชางว่า “ฉันรู้สึกทึ่งมากกับความแตกต่างระหว่างตัวตนที่แท้จริงของเธอกับตัวละครในเรื่อง ชางเป็นคนที่อ่อนหวาน เป็นเด็กดีแต่ต่อหน้ากล้องเธอกลายร่างเป็นเด็กสาวที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง”
ผู้อำนวยการสร้างยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “เคที่เป็นเด็กสาวที่ฉลาดกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน เธอเติบโตในชิคาโก และจู่ๆก็ต้องมาประชันบทบาทแรกร่วมกับเอ็มมา วัตสัน แต่เธอก็สามารถทำมันออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม”
วัตสันพูดถึงเพื่อนนักแสดงว่า “เคที่ สมบูรณ์แบบมากค่ะกับการรับบทเป็นรีเบคก้า เธอดูดีมากในทุกชุด เคที่เป็นคนี่อ่อนหวาน ฉันคิดว่ามันเป็นอะไรที่ประหลาดมาก เพราะในภาพยนตร์คุณรู้จะรู้สึกเกลียดเธอ แต่ก็ทำไมลง มีบางอย่างในตัวเคที่ที่พิเศษมากค่ะ”
ปารีส ฮิลตัน
เซเลบสาวผู้เป็นสไตล์ไอคอนสุดโด่งดัง ปารีส ฮิลตันได้ร่วมเป็นนักแสดงสมทบในฉากสำคัญของเรื่องและยังเปิดบ้านของเธอสำหรับการถ่ายทำ ในญานะที่เคยเป็นหนึ่งในเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุการณ์จริง ฮิลตันจึงกลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่เข้าใจถึงเรื่องราวนี้ได้ดีที่สุด
“เพื่อนของฉัน สตีเฟน ดอร์ฟโทรมาและบอกฉันว่า โซเฟีย คอปโปลาอยากที่จะพูดคุยกับฉันเกี่ยวกับเรื่องบางอย่าง ดังนั้นฉันจึงรู้สึกตื่นเต้นมากๆ เราเริ่มต้นอีเมล์หากัน โซเฟียเล่าให้ฉันฟังเกี่ยวกับโปรเจคภาพยนตร์เรื่อนี้ และแน่นอนว่าฉันเป็นหนึ่งในคนที่รู้เรื่องราวเบื้องลึกเกี่ยวกับเหตุการณ์จริง มันทำให้ฉันรู้สึกอยากที่จะเป็นส่วนหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้ค่ะ ฉันจำได้ว่าในตอนนั้นฉันอยู่ที่คลับ ขณะที่พวกเด็กๆเขามาขโมยของในบ้านของฉัน ซึ่งฉันไม่รู้เรื่องเลย”
“การได้เป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ของโซเฟียนั้นถือเป็นเกียรติมาก เธอคือหนึ่งในผู้หญิงที่น่าทึ่งที่สุดแห่งยุคสมัย และฉันก็ชื่นชมในตัวเธอมาก”
ไม่เพียงแค่ฮิลตันที่รู้สึกตื่นเต้นในการเข้าร่วมโปรเจคครั้งนี้ แต่ทีมนักแสดงทุกคนก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกันที่จะได้ร่วมงานกับเซเลบคนดัง “มันเป็นอะไรที่สนุกและเหลือเชื่อมาก”วัตสันกล่าว “เธอบอกลาฉันและพูดว่า ‘ยินดีที่ได้เจอนะ คนสวย’ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย!”
การได้ถ่ายทำที่บ้านของฮิลตัน ถือเป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับทีมงาน เพราะมันถือเป็นเรื่องยากอย่างมากในการที่จะสร้างฉากถ่ายทำที่ออกมาเหมือนกับบ้านหลังนี้
คอปโปลากล่าวว่า “มันเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมากค่ะ ในการได้เข้าไปถ่ายทำในบ้านของปารีส ฮิลตัน เราได้เห็นทั้งเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายของเธอ มันเป็นสถานที่ที่สุดโต่งมาก ฉันรู้สึกดีใจที่เราสามารถถ่ายทำได้ในสถานที่จริง ที่เคยมีการขโมยเกิดขึ้นจริง มันเหมือนกับปารีส อนุญาตให้เราได้เข้าไปในโลกส่วนตัวของเธอ ปกติแล้วฉันไม่ได้เป็นคนบ้าสะสมรองเท้า แต่ทันทีที่เข้าไปในตู้เสื้อผ้าของปารีส ฉันคลั่งรองเท้าพวกนั้นในทันที”
เรื่องจริงที่เกิดขึ้นในฮอลลิวู้ด
แม้ว่าบทของภาพยนตร์เรื่องนี้จะได้รับการแต่งขึ้นมาใหม่ แต่เรื่องราวทั้งหมดถูกเขียนขึ้นบนพื้นฐานของเรื่องจริง ซึ่งทีมผู้สร้างและนักแสดงต้องใช้เวลาอย่างมากในการทำการศึกษา ค้นคว้าเพื่อความสมจริง ไม่ว่าจะเป็นการชมรายการเรียลลิตี้โชว์อย่าง “Pretty Wild”ซึ่งเป็นรายการที่ครอบครัวไนเออร์ (ในภาพยนตร์คือ นิกกี้ แซม) เป็นผู้ดำเนินรายการ
ทีมนักแสดงทั้งหมดต่างใช้บุคคลจริงในการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่พวกเขา และสร้างตัวละครในแนวทางของพวกเขาเองออกมา
ฟาร์มิก้ากล่าวว่า “แซมและนิกกี้เป็นตัวละครที่สร้างมาจากเด็กสาวจากรายการ “Pretty Wild”อเล็กซิส ไนเออร์ และ เทส เทเลอร์ โซเฟียได้ส่งดีวีดีของรายการนี้ทั้งซีซันส์มาให้ฉัน และแม้ว่าตัวละครจะสร้างมาจากบุคคลจริง แต่ฉันก็ยังคงสามารถใส่ตัวตนและความเป็นตัวเองลงไปได้ นอกจากนี้ฉันยังดูรายการอื่นๆอย่าง “The Hills” “The Simple Life”นอกจากนี้ฉันยังมีนิตยสารมากมายที่บ้าน ตัวละครของฉันไม่ค่อยใส่ใจในเรื่องของแฟชั่นมากเท่าไหร่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความสนุกค่ะ”
เอ็มมา วัตสัน เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “ฉันทำการค้นคว้าเยอะมากค่ะ มันถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากเพราะมีบทพูดมากมายที่เป็นคำพูดซึ่งอเล็กซิสเคยพูดจริงๆ เรื่องราวของเธอทำให้ทุกคนรู้ว่าสิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็นจริงๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายการเรียลลิตี้โชว์ “
การถ่ายทำในลอสแองเจิลลิส
เรื่องราวของ The Bling Ring เกิดขึ้นในเมืองลอส แองเจิลลิส ซึ่งเป็นสถานที่เหมาะสมอย่างยิ่งกับเหตุการณ์เหล่านี้
คอปโปลาเล่าว่า “ฉันคิดว่าลอสแองเจิลลิส คือศูนย์กลางของวัฒนธรรมอเมริกันในขณะนี้ เพราะรายการเรียลลิตี้โชว์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น Kardashians ล้วนแต่ถูกถ่ายทำขึ้นในฮอลลิวู้ดและแอลเอ ซึ่งวัฒนธรรมเซเลบเหล่านี้ มีอิทธิพลอย่างมากกับประเทศอเมริกาในปัจจุบัน “
“เราใช้ฉากในการถ่ายทำหลายแห่ง” คอปโปลากล่าว “ฉันไม่คิดมาก่อนเลยตอนที่เขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ว่ามันจะต้องมีฉากต่างๆมากมายขณะนี้ เราต้องทำการถ่ายทำในสถานที่ที่แตกต่างกันถึง 20 กว่าแห่ง ซึ่งฉันพอใจกับทุกๆที่ เพระมันสามารถแสดงให้เห็นถึงเสน่ห์ที่แตกต่างกันของแอลเอได้ เรามีแมนชั่นขนาดใหญ่ มีฉากโรงเรียนไฮสคูล นอกจากนี้ยังได้ถ่ายทำให้บ้านของปารีส ฮิลตันอีกด้วย ”
นักแสดงหลายคนไม่ได้อาศัยอยู่ในแอลเอ ซึ่งทำให้เมืองนี้กลายเป็นแรงบัดาลใจชั้นดีสำหรับการแสดงของพวกเขา
เคที่ ชาง เล่าว่า “แค่ขับรถไปรอบๆและได้เห็นแสงสีต่างๆฉันรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่สุดยอด”
“ผมเติบโตในมิสซิสซิปปี้และ เซาท์ ดาโกต้า มันเป็นเมืองชนบท” อิสราเอล บรูซซาร์ดกล่าว “ผมไม่เคยรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของที่นั่น แต่แอลเอมันต่างออกไปจริงๆ ทุกคนทำนู่นทำนี่อยู่ตลอดเวลา มันเป็นตัวตนของผมมากกว่า เป็นสถานที่ที่ผมเรียกได้ว่าเป็นบ้านครับ”
เกี่ยวกับทีมงาน
แอน รอส ผู้ออกแบบงานสร้าง
คอปโปลาและแอน รอส รู้จักและเคยร่วมงานกันมาเป็นเวลามากกว่า 25 ปี รอสกล่าวว่า “เราเป็นทั้งเพื่อนสนิทและเพื่อนร่วมงานกัน ซึ่งทำให้การทำงานง่ายขึ้นมากค่ะ เมื่ออีกฝ่ายคือเพื่อนที่สนิทที่สุดของคุณ”
คอปโปลาเล่าว่า “ฉันรักการทำงานร่วมกับแอนเพราะเธอเป็นคนที่เข้าใจในสิ่งที่ฉันต้องการเป็นอย่างดี เธอมีรสนิยมที่ยอดเยี่ยม แม้จะเป็นงานที่ท้าทายแค่ไหน แต่เธอสามารถทำมันออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม”
เพื่อการเน้นย้ำถึงความหลงใหลในวัฒนธรรมเซเลบให้แก่กลุ่มเด็กๆในภาพยนตร์เรื่องนี้ พวกเขาจึงต้องอาศัยอยู่ในเมืองอีกที่นอกเหนือจากแอลเอ ทีมงานได้ทำการค้นหาโลเคชั่นมากมายที่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างกลุ่มเซเลบแลสถานที่ที่พวกเด็กๆอาศัยอยู่ ซึ่งก็คือแมคเมนชั่น
สถานที่เหล่านั้นถูกเรียกว่า “โลกสีเบจ” ซึ่งถือเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญสำหรับภาพยนตร์ รอสกล่าวว่า “ฉันและโซเฟีย พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของเฉดสี ในตอนเริ่มต้นของเรื่องเราถ่ายทำกันที่ถนน ในห้องสีจืดๆ ฉันคิดว่ามันเป็นอะไรที่ยากสำหรับโซเฟียในการถ่ายทำสิ่งที่เธอไม่รู้สึกว่าดึงดูดใจเอาซะเลย ”
นอกจากเรื่องของสถานที่ อีกหนึ่งสิ่งที่รอสต้องพึ่งอยากมากสำหรับการถ่ายทำก็คือเรื่องของการแต่งกาย ซึ่งถือเป็นหน้าที่รับผิดชอบของ สเตซี่ แบททัต “ฉันต้องพึ่งสเตซี่มากทีเดียวค่ะ เพราะฉันไม่ค่อยรู้ความแตกต่างระหว่างกระเป๋าถือแต่ละใบ ว่าทำไมอีกใบหนึ่งถึงสำคัญกว่าอีกใบ สเตซี่มีความสำคัญมากสำหรับฉากแต่ละฉาก”
สเตซี่ แบททัต ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย
อีกหนึ่งทีมงานซึ่งเคยร่วมงานกับคอปโปลามาเป็นเวลานาน นักออกแบบเครื่องต่างกาย สเตซี่ แบททัต ต้องทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับทีมงานถ่ายทำและนักแสดงเพื่อให้ได้ลุคที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด
คอปโปลากล่าวว่า “การทำงานกับสเตซี่เป็นอะไรที่สนุกมากค่ะ เราเริ่มจากการพูดคุยเกี่ยวกับตัวละครแต่ละตัวตั้งแต่เริ่มต้น และหลังจากนั้นจึงค่อยๆพัฒนาบุคลิกของพวกเขาออกมาผ่านทางเครื่องแต่งกาย ความเปลี่ยนแปลงของตัวละครแต่ละตัวจะสื่อให้เห็นผ่านทางเครื่องแต่งกาย”
เอ็มมา วัตสัน เพิ่มเติมว่า “เครื่องแต่งกายเป็นอะไรที่สำคัญมากค่ะ มันสำคัญมากสำหรับฉันในการเข้าถึงบทนิกกี้ ถึงแม้เธอจะไม่ได้หมกมุ่นกับเรื่องของแฟชั่นเท่ารีเบคก้า เธออยากที่จะดูฮอตและเซ็กซี่มากกว่า มันทำให้ฉันต้องเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวเดิมๆของตัวเองออกไปอย่างสิ้นเชิง ฉันจำได้ว่าครั้งแรกที่ได้ลองชุด ทุกคนสามารถเห็นบราของฉันได้เลย เราน่าจะลองใส่บราหลายๆสีนะ และสเตซี่ก็บอกว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นอะไรที่แตกต่างไปสำหรับฉัน นิกกี้เป็นคนที่พร้อมจะโชว์บรา โชว์ขอบกางเกงใน และร่องอกของเธอตลอดเวลา รวมทั้งใส่แต่รองเท้าส้นสูง เครื่องประทับที่วิบวับ”
วัตสันเสริมต่ออีกว่า “ผมของเธอก็เป็นเหมือนกับเครื่องประดับอย่างหนึ่งเช่นกัร เธอพยายามดูแลมันอย่างดี นอกจากนี้ยังต้องไปทำผิวแทนทุกอาทิตย์ เสื้อผ้า เครื่องประดับและเครื่องสำอางช่วยฉันได้มากจริงๆค่ะในการเข้าถึงบทบาทตัวละครตัวนี้”
รอซ มิวสิค หัวหน้าฝ่ายเมคอัพ
หนึ่งในบุคคลสำคัญสำหรับการออกแบบการแต่งหน้าและทรงผมสำหรับตัวละครแต่ละตัว รอซ มิวสิคคือหนึ่งในยอดฝีมือที่ร่วมงานกับโรมัน และ โซเฟีย คอปโปลามาแล้วหลายครั้ง
มิวสิคกล่าวว่า“ผมทำการหาข้อมูลผ่านทางอินสตาแกรมเพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับเด็กๆกลุ่มนี้ ผมและโซเฟียได้พูดคุยกันเกี่ยวกับลุคของตัวละครแต่ละตัว เธออยากให้ทุกคนมีผิวแทน ไม่แต่งหน้าหนาจนเกินไป”
“เราทำงานกันอย่างหนักมากในทุกรายละเอียด คุณจะเห็นได้ในภาพยนตร์ว่ารีเบคก้าซึ่งรับบทโดย เคที่ ชางแต่งหน้าแบบใสๆในตอนแรก เพื่อแสดงให้เห็นถึงความอ่อนเยว์และใสบริสุทธิ์ของเธอ แต่ทันที่ที่เธอเริ่มทำการขโมย เธอจะเริ่มแงหน้าในโทนทีหม่นขึ้น ”
โซเฟีย คอปโปลา ผู้กำกับ ผู้เขียนบท และ ผู้อำนวยการสร้าง
THE BLING RING คือภาพยนตร์ลำดับที่ 5 ของคอปโปลา ผู้กำกับสาวที่ขึ้นชื่อในเรื่องการทำงานที่มีคุณภาพ และได้รับการยกย่องจากทีมงานในการร่วมงานกับเธอ
“ฉันได้เรียนรู้อะไรมากมายจากการร่วมงานกับโซเฟีย” เฮนลีย์กล่าว “เธอมีสไตล์ที่ยอดเยี่ยม มีวิสัยทัศน์และยังเป็นคนที่เงียบขรึม.”
นักแสดงสาว เคที่ ชางกล่าวว่า “การทำงานร่วมกับโซเฟียเป็นอะไรที่น่าทึ่งมากค่ะ ฉันไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดีว่าเธอเป็นคนที่น่าอัศจรรย์แค่ไหน โซเฟียเป็นคนที่จิตใจดีและใจเย็นมาก แม้ในขณะที่คุณรู้สึกเครียดเอามากๆ แต่เมื่อคุณได้ใช้เวลาอยู่กับเธอ เธอสามารถทำให้คุณรู้สึกเย็นลงและรู้สึกดีขึ้น เธอกลายเป็นหนึ่งในบุคคลต้นแบบของฉันเลยค่ะ”
เอ็มมา วัตสันเห็นด้วยในประเด็นนี้ “เธอเป็นคนที่ปล่อยให้ทุกสิ่งเป็นไปตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก บางครั้งเธอจะถ่ายทำเลยไปนอกเหนือจากบทพูดที่เรามี เพราะเธออยากจะรู้ว่อาะไรจะเกิดขึ้นต่อไป”