เมื่อวันที่ 3 กันยายน เสี่ยเจียง หรือ สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ประธานกรรมการบริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด พร้อม ปรัชญา ปิ่นแก้ว ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง ต้มยำกุ้ง 1-2 และพันนา ฤทธิ์ไกร ผู้ออกแบบคิวบู๊ของภาพยนตร์เรื่อง ต้มยำกุ้ง 1-2 และองค์บากทุกภาค เปิดบ้านใบโพธิ์แถลงข่าวกรณีของ จา พนม ยีรัมย์ หลังจากที่ทางสหฯได้เคยแถลงข่าวไปว่า ทางสหฯจะเป็นผู้ดูแลจา พนม เฉพาะภาพยนตร์ไทยเท่านั้น และให้จา พนม รับงานโฆษณาหรืองานภาพยนตร์ต่างประเทศได้เอง หลังจากนั้นมาไม่นาน ทาง จา พนม ได้ส่งหนังสือมายังบริษัทฯว่า ตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวกับข้องหรือมีสัญญาใดๆกับทางสหฯแล้ว ซึ่ง เสี่ยเจียง ได้เปิดใจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นพร้อมกับ ปรัชญา ปิ่นแก้ว และพันนา ฤทธิไกร ว่า
“ก่อนอื่นต้องขอบใจที่ทุกคนมาในงานแถลงข่าวในวันนี้ เรื่องเกิดขึ้นเมื่ออาทิตย์ที่แล้วที่เราได้แถลงข่าวไป แล้วมันมีการเปลี่ยนแปลง กลัวผู้สื่อข่าวจะเข้าใจผิด ซึ่งทางผู้สื่อข่าวคงได้ยินว่า ผมยอมให้คุณจาไปเล่นหนังต่างประเทศตามที่เป็นข่าว แต่เค้าไม่ได้มาขอผมๆให้เค้าเล่นเอง ให้เค้าไปเล่นเพื่อให้สร้างชื่อเสียงของประเทศชาติเป็นเรื่องที่ดี เป็นผลดีกับเรา แต่หลังจากเราแถลงข่าวไปเมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา อีกวันต่อมาทาง จา พนมได้ยื่นโนตีสมาหาผมว่า ผมไม่มีสัญญากับเค้าแล้ว เค้าไม่ได้อยู่ภายใต้สัญญาเรา เค้าว่าเรื่องงานทั้งหมดไม่เกี่ยวกับผม เมื่อเกิดกรณีแบบนี้ขึ้นมา ผมเลยต้องเปิดแถลงข่าวในวันนี้ เพื่อให้ทุกคนรู้ว่า ผมไม่ได้พูดจากลับไปกลับมา วันนี้ผมก็ยังยืนยันว่า ผมดีใจที่เค้าไปเล่นหนังต่างประเทศแต่วันนี้ผมต้องปฎิบัติตามสัญญาแล้ว คุณจะไปเล่นหนังต่างประเทศก็ต้องให้ทางต่างประเทศติดต่อมา เจรจามาทางเราให้ถูกต้องตามสัญญา ผมไม่ได้หวังจะได้เปอร์เซ็นต์จากคุณจาที่จะได้รับเงินจากเมืองนอก ทางบริษัทไม่เคยกินเปอร์เซ็นต์ใคร บริษัทเราเป็นบริษัททำหนัง เราไม่เคยหักเปอร์เซ็นต์ใคร ปรัชญา พันนาก็รู้ เรา 3 คนที่อยู่นี้อยู่ในสัญญาและทำความเข้าใจกันอย่างถูกต้อง เราต้องการจะบอกให้ทุกคนทราบว่า บริษัทไม่ได้ว่าอะไรคุณจา คุณไปเล่นหนังต่างประเทศได้ แต่คุณต้องให้ทางต่างประเทศติดต่อหาเรา ให้ได้มีการพูดคุยหรือทราบรายละเอียดต่างๆเพราะมันเป็นเรื่องของสัญญา ถ้าเค้าไม่ติดต่อมาเราก็จะต้องส่งโนตีสไปที่ต่างประเทศแค่นั้นเอง ที่แถลงข่าวในวันนี้เพื่อทำความตกลงและทำความเข้าใจกับทุกคนไม่อยากให้ทุกคนเข้าใจเราผิดและคิดว่าผมพูดจากลับกลอก”
ทำไมจาต้องมาขออนุญาตเสี่ยทั้งๆที่สัญญาบอกแล้วว่ากับสหมงคลฟิล์มเนี่ยเฉพาะภาพยนตร์ไทย และกับเมืองนอกเค้าสามารถไปเล่นได้เลย “จริงๆสัญญาของเราครอบคลุมทั้งในและต่างประเทศ ทั้งหมดอยู่ในสัญญาของเรา สัญญาของเราคือทั้งโลก หากจะไปทำอะไรเค้าต้องขออนุญาตทางเราก่อน ครั้งที่แล้วที่แถลงข่าวก่อนหน้านี้คือ ผมได้ทราบข่าวจากอินเตอร์เนตว่าเค้าไปแสดงหนังต่างประเทศเรื่อง Fast 7 ผมก็ดีใจกับเค้าด้วย มีคนติดต่อเค้าไปเล่นผมก็ดีใจกับเค้า เรายังไม่ได้ถามเค้า แต่คืนนั้นทางผมก็คิดว่าเราก็คิดว่าเราจะทำยังไงดีซึ่งเค้าเองก็ไม่ติดต่อหาเรามาซักที ดังนั้นในวันจันทร์ที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมาเราเลยเชิญทุกคนมาร่วมงานแถลงข่าว นั่นผมเป็นคนให้ไปเฉยๆให้ไปอย่างสบายใจ ไม่ใช่ว่าเค้ามีสิทธิ ซึ่งจริงๆจา พนม ต้องขอทางเราก่อน แต่ที่ผ่านมายังไม่มีการขอ เค้ากลับโนติสกลับมาหาเราว่าเราไม่มีสัญญากันแล้ว”
ทำไมเค้าถึงยื่นโนติสมาว่าเราไม่มีสัญญา สัญญามันหมดหรือว่ายังไง
“สัญญามันเพิ่งต่อ เค้าพูดมาได้ยังไงไม่รู้ ผมเลยต้องลุกขึ้นมาคุยกับทุกคนให้เข้าใจ สัญญาที่ต่อจริงๆคือสัญญาที่ต้องให้ทางสหมงคลฟิล์มดูแลทั้งหมดทั่วโลก ซึ่งในวันที่ต่อสัญญา เค้ามาขอว่าเค้าจะขอรับงานโฆษณาเอง เค้ามากับพันนา และภรรยา เรามาคุยกัน 4 คนที่นี่ เราให้คุณพันนาพูดต่อดีกว่าว่า ในวันนั้นมีการพูดจากันยังไงบ้าง”
พี่พันนา กล่าวต่อ “คือจริงๆบรรยากาศในวันนั้นเป็นการพูดคุยกันแบบสบายๆ ซึ่งทางจาเองก็ทราบอยู่แล้วว่าสัญญานั้นได้ถูกส่งไปแล้วที่สุรินทร์ ซึ่งเค้ามาเค้าก็รับรู้” พี่ปรัชเสริม “สัญญาไม่ใช่ส่งไปเมื่อเดือนกรกฎาคม เรามีการส่งไปให้ก่อนล่วงหน้า 2 เดือนแล้ว” พี่พันนากล่าวต่อ “ในวันนั้นเค้าก็มาพร้อมกับภรรยา เค้าก็บอกว่าในสัญญาใหม่เค้าอยากรับงานโฆษณาเอง เค้าจะรับได้มั้ย ซึ่งเสี่ยให้โอกาสและบอกให้รับได้เลย ตัดสินใจเองได้เลย เรื่องเงินเรื่องทองก็รับได้เลย เสี่ยปล่อยให้เป็นอิสระในการรับงานโฆษณา แต่ไม่ใช่ในส่วนของภาพยนตร์”
แปลว่าตอนนี้ที่จา พนม รับปากเล่นหนังกับฮอลลีวู๊ดนี่หมายถึง จา พนม ละเมิดสัญญากับทางสหมงคลฟิล์มถูกมั้ย เสี่ยกล่าว “ถูก” พี่พันนากล่าวเสริม “เพียงแต่เสี่ยเคยเกริ่นกับผมว่าอยากให้จาไปและจะปล่อยให้เค้าเป็นอิสระ ให้เค้าเลือกรับหนังต่างประเทศได้เลย” ผิดสัญญาแล้วทางเสี่ยจะทำยังไงต่อไป “เราก็คงจะส่งเรื่องโนติสไปตามส่วนที่เกี่ยวข้อง และบริษัทต่างประเทศ” เสี่ยกล่าว และในกรณีที่ จา พนม อ้างว่าสัญญาที่เซ็นกับเราไม่มีความเป็นธรรม เสี่ยว่ายังไง “จริงๆมันเป็นเรื่องของเค้า ก็ต้องสู้กันที่ศาล ว่าสัญญาเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรม บริษัทปฎิบัติตามสัญญาถูกต้องทุกประการ และให้มากกว่าในสัญญาด้วย”
ประเด็นที่ จา พนม ยื่นโนติสมาที่สหฯ “เค้าหาว่าเราไม่ส่งสัญญาให้ ซึ่งเรามีใบเซ็นรับทุกอย่างซึ่งเราส่งไปที่สุรินทร์ ซึ่งเค้าย้ายที่อยู่แต่เค้าไม่แจ้งเรา เราเซ็นที่สหฯ แต่สำเนาเราส่งไปที่ที่อยู่ที่สุรินทร์ ผลประโยขน์ที่เราให้นอกเหนือจากที่ตกลง มากมามหาศาล เมื่อเราได้ประโยชน์จากองค์บาก 1 และต้มยำกุ้ง 1 จริงๆเราไม่ต้องให้ก็ได้ แต่เรามาปรึกษากันแล้ว เรามาคุยกับกับปรัชญาและพันนา ว่าเราแบ่งให้จาหน่อย ซึ่งเราก็มีการแบ่งให้จาไปมากกว่าที่เราจะพูดได้ เราไม่เคยทำอะไรที่ไม่เป็นธรรม คุณเห็นผมมา 30-40 ปีแล้ว ผมไม่เคยรังแกใคร เราได้แต่ให้”
เสี่ยได้โนติสมาจากทางจา ทางเราจะทำยังไง ฟ้องมั้ย จะดำเนินการอย่างไร “เราคงต้องว่าไปตามทนายแนะนำ เพราะเรายกเรื่องทั้งหมดไปที่ทนายแล้ว เราพร้อมที่จะไปสู้กันในศาล” เสี่ยไม่กลัวผลกระทบต่อหนังเรื่องต้มยำกุ้ง 2 ที่กำลังจะฉายเหรอ “คุณต้องคิดว่าผมพยายามทำต้มยำกุ้ง 2 ขนาดไหน ผมลงทุนทำทั้งหมดให้ทันวันที่ 23 ตุลาคมนี้ เพื่อให้เมืองไทยและเมืองจีนฉายพร้อมกัน และเป็นครั้งแรก ซึ่งที่เมืองจีนจะประกาศฉาย 3,000 โรงพร้อมกันกับเมืองไทย เราทำแบบนี้เพื่อกันไม่ให้แผ่นผีออกมา ผมว่าเรื่องนี้ไปฉายที่ประเทศจีน 3000 โรง ชื่อเสียงที่คุณจาได้รับคงมากมายมหาศาล”
หากพูดถึงกรณีจา พนม ว่า น้อยใจเสี่ยมั้ย ที่อยู่กับเสี่ยมาตั้งนานแล้วไม่เห็นไปฮอลลี่วู้ด เสี่ยกล่าวว่า “ถ้าผมจะเอาจาไปฮอลลีวู๊ดนะก็ทำได้ แต่เราเลือกบทที่ดีที่สุดสำหรับเค้า เมื่อครั้งที่บริษัทฯทำหนังกับ New Line เรื่อง Rush Hour ภาค 3 เค้าก็เคยติดต่อจา ให้มาเล่นกับเฉินเหลง เราก็โอเค แต่ส่งบทให้ผมดูหน่อย พอดูบท จาเป็นผู้ร้าย ผมจะยอมยังไง ผมไม่ยอมถ้าให้จาไปเล่นเป็นผู้ร้าย หรือถ้ามีพระเอก และให้จาเป็นพระรอง อันนั้นไม่เป็นไรผมโอเค แต่เล่นเป็นผู้ร้ายผมไม่ยอม อย่างหวังไป่หมิง ที่ทำยิปมัน 1-2 เจรจากับเราอยู่ เค้าอยากให้ดอห์นนี่เยน เล่นกับจา เค้าต้องส่งบทให้เราอ่าน ถ้าบทด้อยกว่ายิปมัน เราก็ไม่ยอม เราต้องยกตัวพระเอกเราให้อยู่ในบทที่ดีที่สุด เพราะจาเองก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงเหมือนกัน หลายคนคงไม่เข้าใจ ที่บริษัทฯรับหนังยาก เจรจายาก เพราะเราต้องอ่านบทดูให้เรียบร้อยก่อนที่จะปล่อยไป เราอยากให้จารับบทที่ดี และเป็นบทที่มีความสำคัญเหมาะกับเค้าให้มากที่สุด” และสำหรับเรื่องโนติส เสี่ยจะดำเนินการอย่างไรต่อ “ก็เป็นเรื่องของทนายต่อไป” เสี่ยกล่าว
ด้าน ปรัชญา ปิ่นแก้ว ในฐานะที่สร้างเค้ามา รู้สึกอย่างไรบ้าง “จริง ๆ มันก็เป็นสิ่งที่ดี กับการที่จาเค้าไปเล่นหนังฮอลลีวู้ด ผมเห็นด้วย แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้ มันเป็นเรื่องของสัญญา คือ การเซ็นสัญญาเนี่ย จะเป็นลักษณะร่วมมีพันนา จา ผม และเสี่ยเจียง รวมกันไว้ 4 คนตั้งแต่ตอนทำองค์บาก เพราะฉะนั้นในการเปลี่ยนแปลงสัญญา ทุกคนต้องรับรู้ทั้งหมด กับจาผมก็คิดว่าเสี่ยเค้าทำถูกต้อง ที่ให้จารับงานทางด้านโฆษณาเอง แต่พอมีโนติสจากจามาแล้วผิดข้อสัญญาบางข้อ ก็ต้องเป็นหน้าที่ของทนาย” พี่ปรัชกล่าว
จากที่ทางสหฯบอกว่าจะมีการส่งโนติสไปทางบริษัทต่างประเทศมีกำหนดเวลามั๊ยว่าให้เวลานานแค่ไหน เสี่ยเจียงชี้แจงต่อ “จริงๆแล้วทางบริษัทเรายังไม่ได้ยื่นโนติสไป วันนี้เราจะแถลงข่าวให้ทุกคนรับรู้ก่อนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ผมไม่อยากเสียคำพูด ซึ่งรายละเอียดที่จะยื่นโนติสทางผมให้ทนายเป็นคนจัดการ หลักใหญ่ๆคือ เค้ายังรับเล่นไม่ได้ เค้าต้องขออนุญาตหรือเข้ามาคุยกับทางเราก่อน เราไม่อนุญาตให้คุณถ่าย ถ้าคุณถ่ายโดยที่ไม่ขออนุญาตเราก่อนเราจะถือว่าคุณละเมิดสัญญา และจะมีการฟ้องกันต่อไป แต่ถ้าคุณเข้ามาพูดคุยและขออนุญาตเราก็จะอนุญาตเพราะถือว่าเรารับรู้และได้มีการพูดคุยกันแล้ว”
ทุกครั้งที่มีปัญหา พี่พันนาจะเป็นคนเข้าไป เหมือนเป็นคนกลางเสมอเพราะว่าเป็นคนที่อยู่กับเค้าตั้งแต่เด็ก เคสนี้ได้คุยกับเค้ามั้ย “ ก็คุย ช่วงแรกๆ ผมไม่รู้รายละเอียดอื่นๆ ตอนแรกผมดีใจที่ว่า เสี่ยเปิดโอกาสให้เค้าได้แสดงภาพยนตร์ต่างประเทศ เค้าจะได้ไปทำอะไรที่เค้าฝันเอาไว้ ตอนที่มาคุยกับเสี่ยที่เสี่ยให้โอกาสให้ไปรับงานโฆษณา ผมยังหันไปหายิ้มแล้วบอกว่า จายินดีด้วย ตอนนั้นเราก็อยู่ในห้องเสี่ยด้วยกัน แล้วต่อมาผมได้ยินเสี่ยนัดคุยเรื่องทำหนัง แล้วเสี่ยก็เกริ่นว่า เรื่องนี้ต่อไปไม่ปิดกั้นเรื่องต่างประเทศกับจาดีกว่า ปล่อยจาไปเป็นอิสระดีกว่า เสี่ยแกก็เคยเปรยๆกับผม ผมเลยโทรหาจาแต่ไม่รับสายตลอด ว่าจะชวนมาเจอเสี่ยหน่อย แต่ก็ไม่รับสายจนเสี่ยแถลงข่าววันนี้”
แล้วจากนี้โปรเจ็คของสหมงคลฟิล์มกับจาที่จะทำร่วมกันต่อจากต้มยำกุ้ง2 ยังมีเดินหน้าอยู่มั๊ย อย่างภาพยนตร์ที่จาได้เล่นกับดอร์ฟ ลันด์เกรน โปรเจ็คที่เคยแถลงข่าวไป ยังเดินหน้าเหมือนเดิมมั๊ย “มันก็ถ่ายไปแล้ว เราก็ยังทำไป ไม่เป็นไร เราไม่ได้ไม่พอใจจานี่ เราก็ว่าไปตามสัญญาให้ถูกต้องแค่นั้นเอง ถ้าเค้าเข้าใจในลักษณะงาน เค้าเข้ามาคุย เราไม่จำเป็นต้องเคลียร์ เราไม่ต้องเคลียร์อะไร เค้าบอกจะไปเล่นหนังต่างประเทศ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ตามหลักการแล้ว ทางต่างประเทศต้องคุยกับเราก่อน แต่ถ้าจะไม่มาคุยไม่ได้” เสี่ยกล่าวทิ้งท้ายก่อนปิดการแถลงข่าว