การรวมตัวของ 4 สุดแสบ สะกิดบาทา
ชาคริต แย้มนาม/เทพ โพธิ์งาม
โจ๊ก อัครินทร์/จุ๊บ ภัทรา
ควบคุมงานสร้าง: นนทรีย์ นิมิบุตร
ผลงานกำกับและเขียนบท: ศุภกิจ ตังทัตสวัสดิ์
ชวนฮา พร้อมเฮงต้อนรับตรุษจีน
30 มกราคม 2557 ทุกโรงภาพยนตร์
เรื่องย่อ
รวมก๊วนต้มตุ๋นเฉพาะกิจ เพื่อโค่นมวลมหาเซียนพนัน กับแผนการโกงแบบสุดซอย!!! โต๊ด(ชาคริต แย้มนาม) นักมายากลแห่งบาร์ดังย่านเมืองกรุง เจ้าของฉายา เซียนกลไพ่ สับหลอกเปลี่ยนไพ่ ว่องไว เนียนจนจับผิดไม่เคยได้ เขาจึงเป็นที่ต้องการของ เซียน(เทพ โพธิ์งาม) มือเก๋าแห่งการเลียนแบบพระเครื่องของแท้ หรือปลอมพระปล่อยเช่านั่นเอง เป็นกูรูพระเครื่องตัวฉกาจ และหลานชาย เรียง(อัครินทร์ อัครนิธิเมธรัฐ) จอมกระล่อน บ้าคลั่งการพนันอยู่ในสายเลือดตั้งแต่กำเนิด เพื่อใช้ความเนียนของโต๊ด ท้าเล่นไพ่กับโคตรเซียนตัวจริง ด้วยข้อเสนอ คือ เงินก้อนโต ทำให้โต๊ดตัดสินใจเข้าร่วมขบวนการล้มโต๊ะโกงไพ่ และเรียงยังได้ทาบทาม ศรี (ภัทรา อธิราษฎร์กุล)สาวสวยโคโยตี้ สุดเซ็กซี่ ที่เขาแอบชอบมานาน รับหน้าที่เป็นนางนกต่อ ให้กับภารกิจในครั้งนี้
แล้วเรื่องวุ่นวายก็เกิดขึ้น เมื่อพวกเขาบุกเข้าไปโกงไพ่ในบ่อนของ เสี่ยปู(อนุวัฒน์ นิวาตวงศ์)เจ้าของบ่อนคาสิโนรายใหญ่ของเมืองไทย แถมยังลบเหลี่ยมเซียนไพ่ระดับเสี่ยปูแบบไม่ไว้หน้า ด้วยความสามารถสับเปลี่ยนไพ่ของโต๊ด และการใบ้แบบไม่ปกติของศรี ก่อนที่จะต้องวิ่งโกยหนีออกมาแบบไม่คิดชีวิต เพราะดันถูกจับได้ว่าแหกตา! จนในที่สุดพวกเขาทั้ง 4 คน ก็กวาดเงินนับแสนบนโต๊ะมาได้อย่างเหนือเซียน
แต่เงินที่ได้มามันยังไม่พอสานฝันของพวกเขาให้เป็นจริงขึ้นมาได้ เรียงจอมโลภ จึงเสนอไอเดียกลยุทธ์โกงเสี่ยง แบบสุดซอย ด้วยการเดินทางข้ามประเทศบุกไปยังดินแดนโคตรเซียน บ่อนของ เสี่ยชูชัย(ชนิตร์นันท์ บุษราคัมวงศ์) เซียนระดับบิ๊กแห่งปอยเปรต ที่ขึ้นชื่อว่าโหดเหี้ยมสุดๆ และการท้าดวลไพ่ครั้งนี้ ทำให้พวกเขารู้ความลับบางอย่าง ที่นำพามาสู่ ความหายนะชวนระทึกกับพวกเขาทั้ง 4 คน แบบไม่ทันตั้งตัว
4 แกนนำ นักต้มตุ๋น
ชาคริต แย้มนาม รับบท “โต๊ด”
“ความไวและความเนียนคือความสามารถของผม”
นักมายากลอยู่ในบาร์ มือไว ชำนาญเรื่องกลซ่อนไพ่ เปลี่ยนไพ่ ชนิดไม่มีใครมองได้ทัน
นิสัย: เป็นคนมีมาด สุขุมนุ่มลึก ใจเย็น จริงจัง แต่ทุกวันนี้โกหกแฟนกับ
พ่อแม่ว่าเป็นเจ้าของกิจการ
เป้าหมายในชีวิต: เป็นเจ้าของร้านอาหาร
ประวัติ: หนุ่มหล่อเจ้าเสน่ห์มากความสามารถทั้งการแสดงและพิธีกร “ชาคริต แย้มนาม” ผลงานการแสดงที่ผ่านมา อาทิ ภาพยนตร์เรื่อง รักออกแบบไม่ได้(1998) / กุมภาพันธ์(2003) / โอปปาติก(2007) / A Moment in June ณ ขณะรัก(2008) / ตีสาม 3D(2012) เป็นต้น รวมถึงยังมีผลงานการแสดงภาพยนตร์ต่างประเทศเรื่อง Belly of the Beast(2003) ร่วมงานกับ Steven Seagal(สตีเว่น ซีกัล) และ Bangkok Dangerous(2008) ร่วมงานกับ Nicolas Cage(นิโคลัส เคจ) ด้านผลงานการแสดงละครโทรทัศน์อีกมายมาย ตลอดจนละครซิตคอมเรื่อง เป็นต่อ ที่โด่งดังสร้างชื่อให้กับเขาอย่างมาก และด้วยเสน่ห์ปลายจวักฝีมือทำอาหารดีเยี่ยม เขาจึงได้รับเลือกเป็นพิธีกรรายการอาหาร ครัวแล้วแต่คริต(ช่อง3) และ เชฟกระทะเหล็กประเทศไทย(ช่อง7)
เทพ โพธิ์งาม รับบท “เซียน”
“ถ้าชาตินี้กูไม่ได้เป็นเจ้าของพระสมเด็จฯ กูคงนอนตายตาไม่หลับ”
เซียนพระชื่อดังย่านท่าพระจันทร์ เติบโตและคลุกคลีมากับวงการพระตั้งแต่เด็ก
ปัจจุบันเป็นเจ้าของร้านเช่าพระเครื่อง และชำนาญด้านการปลอมพระ
นิสัย: จอมบงการวางแผน วางตัวเป็นหัวหน้า ชอบพูดคำเปรียบเปรย
แต่ไม่มีความหมาย
เป้าหมายในชีวิต: เป็นเจ้าของพระสมเด็จฯแท้
ประวัติ: ด้วยวัย 64 ปี สามารถการันตีฝีมือการแสดงอันเหนือชั้นของ เทพ โพธิ์งาม ได้เป็นอย่างดี เขาเริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่ยังเด็กด้วยการเป็นนักพากย์การ์ตูนให้กับหนังกลางแปลงมาก่อนที่จะเริ่มหันหน้าเข้าสู่วงการตลกจนมีชื่อเสียง โด่งดังและเป็นเจ้าของคณะตลกโพธิ์งาม จากนั้นเริ่มเข้าสู่วงการแสดงโดยมีผลงานการแสดงทั้งด้านละครโทรทัศน์ และด้านภาพยนตร์อย่างมากมาย อาทิ มือปืน/โลก/พระ/จัน(2001) / ขุนกระบี่ผีระบาด(2004) / เมล์นรกหมวยยกล้อ(2007) / กะปิ ลิงจ๋อไม่หลอกจ้าว(2010) / โป๊ะแตก(2010) / หมาแก่อันตราย(2011)/The Rocket(2013) ฯลฯ เคยมีผลงานกำกับและเขียนบทภาพยนตร์ด้วยตัวเองเรื่อง “ดึก ดำ ดึ๋ย” (2003) นอกจากนี้ยังคว้ารางวัล สาขานักแสดงประกอบชายยอดเยี่ยม(มือปืน/โลก/พระ/จัน) จากงานประกาศรางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี ประจำปี พ.ศ.2544
อัครินทร์ อัครนิธิเมธรัฐ รับบท “เรียง”
“ฉันจะเปิดค่ายมวยของตัวเองสักที เบื่อไอ้พวกล้มมวย แม่งแดกตังค์ฉันไปเยอะแล้ว”
โตมากับการพนัน ชนไก่ ไฮโล ไพ่ หวย ปลากัด น้ำเต้าปูปลา บอล เล่นหมด
ทุกอย่าง การพนันอยู่ในสายเลือด แถมยังเก่งพนันทุกอย่างไม่เคยทำให้พ่อแม่
ผิดหวังเลยสักครั้ง เป็นหลานแท้ๆของเซียน
นิสัย: มนุษย์สัมพันธ์ดี กะล่อนเป็นที่หนึ่ง ชอบเล่นพนันทุกอย่าง และเป็น
แฟนพันธุ์แท้พนันมวยตัวยง
เป้าหมายในชีวิต: เปิดค่ายมวยเป็นของตัวเอง
ประวัติ: หนุ่มมาดเซอร์ สุดอาร์ต ที่เริ่มเข้าวงการด้วยงานแสดงโฆษณา ก่อนที่หลายคนจะจดจำ โจ๊ก อัครินทร์ จากบท อ๊อตโต้ ในภาพยนตร์ Goal Club เกมล้มโต๊ะ(2001) และเริ่มมีผลงานภาพยนตร์มาตลอดจนถึงปัจจุบัน อาทิ พรางชมพู(2002) / เอ็กซ์แมนแฟนพันธุ์เอ็กซ์(2004) / อหิงสาจิ๊กโก๋มีกรรม(2005) / หลุดสี่หลุด(2011) / ฝนตกขึ้นฟ้า(2011) / วงจรปิด(2012) เป็นต้น รวมถึงผลงานการแสดงมิวสิควิดีโออย่าง เพลงเคยไปทำเธอตอนไหน ของศิลปินซาซ่า / เพลงอยากให้ฉันอยู่ด้วยไหม ของศิลปินอัสนี-วสันต์ เป็นต้น
ภัทรา อธิราษฎร์กุล รับบท “ศรี”
“เสี่ยปูติดต่อมาแล้ว พรุ่งนี้มันชวนฉันไปที่บ่อน โอกาสเรามาแล้ว”
โคโยตี้สาวสวยสุดเซ็กซี่ ด้วยเสน่ห์ยั่วยวนจนใครก็ไม่กล้าปฏิเสธเธอ กร้านโลก
สู้คน และไม่กลัวใคร
นิสัย: ใจร้อน มักใช้กำลังไล่กระทืบแขกที่ชอบเข้ามาลวนลาม
เป้าหมายในชีวิต: ทำสวยที่ประเทศเกาหลี
ประวัติ: สาวสวยหมวย เซ็กซี่ จุ๊บ ภัทรา ที่มีผลงานด้านการแสดงละครมากมายอาทิ สกุลกา / สาวเปิ่นเจ้าเสน่ห์ / ลิขิตกามเทพ / ยุทธการหักคานทอง / ฮีโร่พันธุ์รัก เป็นต้น นอกจากนี้เธอคือเจ้าของฉายา มือตบ จากละคร สงครามนางฟ้า และจากนั้นเธอก็แจ้งเกิดกับบทนางร้ายในละครเรื่อง ความลับของซูปเปอร์สตาร์ ด้วยความสามารถหลากหลายเธอ
ยังมีผลงานด้านการถ่ายแบบให้กับนิตยาสารมากมายเช่น FHM / MAXIM / MIX และ Zoo ปัจจุบันรับตำแหน่งพิธีกรสาวสวยในรายการรู้จริงเรื่องความงาม(ช่อง Modern life)
เซียนพนันสุดเก๋า
ชนิตร์นันท์ บุษราคัมวงศ์ รับบท “เสี่ยชูชัย”
โคตรเซียนไพ่อันดับหนึ่ง เจ้าของบ่อนใหญ่ฝั่งเขมร มีบอดี้การ์ดข้างกายล้วนเป็นสาวสวยเซ็กซี่
นิสัย: บ้ากาม เซ็กส์ซาดิส เก่งฉกาจเรื่องการเล่นไพ่
เป้าหมายในชีวิต: ต้องการเปิดฮาเร็ม และบ่อนการพนันใหญ่เป็นอันดับ1ของโลก
อนุวัฒน์ นิวาตวงศ์ รับบท “เสี่ยปู”
เจ้าของบ่อนกลางกรุง เซียนพนันตัวพ่อ รับพนันทุกชนิดตั้งแต่แทงบอลยันปลากัด ฝีมือด้านการพนันเก่งฉกาจ
นิสัย: โหดเหี้ยม บ้าผู้หญิง
เป้าหมายในชีวิต: ขยายสาขาบ่อนไพ่ไปทั่วโลก
โยกเยก เชิญยิ้ม รับบท “โตโน่”
ลูกน้องคนสนิทของเสี่ยปู เข้าวงการได้เพราะพี่สาวเป็นเมียเสี่ยปู มักทำอะไรไม่เคยไว้หน้าเสี่ยปู
นิสัย: ซื่อจนบื้อ พูดจาขวานผ่าซาก
เป้าหมายในชีวิต: เป็นโคตรเซียนอันดับหนึ่ง
จุดเริ่มต้นของแผนการโกง
สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล นำเสนอ สีเรียงเซียนโต๊ด ภาพยนตร์แนวComedy เชิงเสียดสีล้อเลียนสังคมด้วยอารมณ์ชวนฮา ผลงานกำกับและเขียนบทภาพยนตร์ครั้งแรกโดย “แมน-ศุภกิจ ตังทัตสวัสดิ์” กับการรวบรวมประสบการณ์ในวงการบันเทิงมานานกว่า 20 ปี สู่ผลงานด้านภาพยนตร์อย่างเต็มตัว พร้อมคว้าสุดยอดฝีมือดีอย่าง นนทรีย์ มินิบุตร เป็นผู้ควบคุมงานสร้าง และเหล่านักแสดงซุป’ตาร์คุณภาพเมืองไทย อย่าง ชาคริต แย้มนาม, เทพ โพธิ์งาม รวมถึง อัครินทร์ อัครนิธิเมธรัฐ(โจ๊ก) และ ภัทรา อธิษราษฎร์กุล(จุ๊บ) ร่วมภาพยนตร์ในครั้งนี้
นับว่าเป็นความฝันครั้งสำคัญของ แมน ศุภกิจ กับการยกระดับนั่งแท่นผู้กำกับภาพยนตร์ โดยจุดเริ่มต้นของโปรเจกต์นี้ เขาเริ่มจากความสนุกบนความตั้งใจ กับการถ่ายทำเป็นเพียงภาพยนตร์สั้น 30 นาที ก่อนที่จะมีเสียงเรียกร้องจากเพื่อนนักแสดง และทีมงาน ที่ช่วยกันคิดต่อยอดจนสามารถพัฒนากลายเป็นภาพยนตร์เต็มๆเรื่องขึ้นมา โดยเล่าว่า “โปรเจกต์หนังสั้นตอนนั้น สนุกสนานมากทั้งทีมงาน และนักแสดงต่างแฮปปี้ จนมีเสียงเรียกร้องทำไมไม่ทำเป็นหนังใหญ่ขึ้นมาเลยล่ะ โดยเพื่อน หนุ่ม อรรถพร เป็นคนแนะนำให้ผมรู้จักกับ พี่อุ๋ย นนทรีย์ ครับ จากนั้นพี่อุ๋ยก็พาเข้าไปคุยกับเสี่ยเจียง (สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ) เจ้าของค่ายหนังสหมงคลฟิล์มฯ เสี่ยเจียงได้ให้โอกาสและอนุมัติโปรเจกต์ครั้งนี้ ส่วนพี่อุ๋ย นนทรีย์ เป็นผู้ควบคุมงานสร้างให้กับภาพยนตร์ครับ”
ความเป็นตลกร้ายของภาพยนตร์ สีเรียงเซียนโต๊ด เป็นการหยิบเรื่องราวใกล้ตัวของสังคมไทยมาล้อเลียนกับเรื่องราวเฮฮาชวนตลก บนความฝันและโชคชะตาของตัวละครในภาพยนตร์ ซึ่งไอเดียที่มา และชื่อของภาพยนตร์ทางผู้กำกับ แมน ศุภกิจ เล่าว่า “เริ่มคิดอันดับแรกว่าสิ่งที่ไม่ค่อยพบเห็นบ่อยในภาพยนตร์ไทยมีอะไรบ้าง จนได้ข้อสรุปเป็นเรื่องของกลโกงไพ่ ในแง่เชิงการพนัน ซึ่งมันเป็นเรื่องใกล้ตัวพวกเรามาก เรียกว่าเป็นวิถีชีวิตของคนไทยก็ยังได้ จากนั้นก็คิดต่อว่าภาพยนตร์แนวไหน ที่คนดูส่วนมากนิยม คำตอบ คือ แนวตลก โดยผมเลือกความตลกไปกับสถานการณ์ต่างๆ หรือเรียกว่าแนวดาร์ค คอมเมดี้ มันคือตลกร้ายที่ล้อเลียนสังคมในเชิงที่ดูแล้วเฮฮามากกว่าครับ ส่วนการตั้งชื่อ สีเรียงเซียนโต๊ด จริงๆเป็นภาษาของไพ่เขามักจะเรียกกันว่า สี เรียง เซียน ตอง แต่ผมเปลี่ยน ตอง เป็น โต๊ด เพราะพระเอกชื่อ โต๊ด และมันยังโยงไปถึงล๊อตเตอรี่เรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยครับ”
นอกจากนี้ผู้กำกับ แมน ศุภกิจ ยังเล่าเสริมต่อถึงที่มา ของการหยิบยกภาพสะท้อนสังคมมาจากเรื่องจริงใกล้ตัว ที่แม้แต่ใกล้บ้านของพวกเราเอง หรือตัวเราเองก็เป็นกันแบบนี้ โดยเน้นย้ำว่า ไม่ได้ต้องการจะเสียดสีใครทั้งนั้น แต่มันเป็นเรื่องสนุกที่อยู่ใกล้ตัวเรา แล้วมีความน่าสนใจมากกว่า
“เรื่องราวสนุกและใกล้ตัว เพราะทุกวันที่ 1 ของเดือนเราก็ลุ้นล๊อตเตอรี่ ระหว่างเดือนเราไปลุ้นแมนยู หรือ ลิเวอร์พูล พอถึงสิ้นเดือน เงินเดือนเราก็ออก แล้วพวกเราก็ไปกินเหล้าเลี้ยงฉลองกัน วันหยุดเปิดทีวีเสาร์-อาทิตย์ก็มีมวยให้เราดู แถมข้างบ้านเราก็มีบ่อนคาสิโน หลังบ้านรับแทงหวย ยังไม่พอเดี๋ยวเพื่อนก็มาชวนไปนั่งดูพระ พอตกเย็นก็ยังชวนเราไปดูโคโยตี้ นี่แหละชีวิตคนเมือง ที่ผมหยิบยกมาอยู่ในภาพยนตร์ แล้วหยิบเรื่องราวที่เป็นใต้ดินทั้งมากและน้อยมาไว้ในภาพยนตร์ โดยเล่าผ่านความเป็นคอมเมดี้ เราไม่ได้เสียดสีว่าใครทั้งนั้น มันเป็นเรื่องสนุกที่อยู่ใกล้ตัวเรามากกว่า ที่หลายคนบอกเป็นเรื่องไม่ดี ผิดศีลธรรม แต่ก็ยังทำกัน”
เผยโฉมหน้าก๊วนต้มตุ๋น
นักแสดงหลักของภาพยนตร์ ล้วนเป็นเพื่อนนักแสดงสุดซี้ของผู้กำกับ แมน ศุภกิจ ที่ก่อนหน้านี้เคยร่วมงานการแสดงมาแล้วจนรู้ทางการแสดง และรู้ใจด้านการถ่ายทอดอารมณ์ให้ตรงกับบทและคาแรคเตอร์ที่ได้รับทั้งนี้บุคคลิก ความเหมาะสม ผสมกับความเป็นตัวตน หรือความเป็นธรรมชาติของนักแสดงทั้ง 4 คน ได้แก่ ชาคริต แย้มนาม, เทพ โพธิ์งาม, ภัทรา อธิษราษฎร์กุล(จุ๊บ) และ อัครินทร์ อัครนิธิเมธรัฐ (โจ๊ก )กับการสวมบทตัวละครที่ผู้กำกับแมน ศุภกิจ สร้างคาแรคเตอร์ขึ้นมา ให้มีเสน่ห์พร้อมกับเอกลักษณ์ โดดเด่น ที่แตกต่างอย่างชัดเจน ตลอดไปจนถึงคาแรคเตอร์ตัวอื่นๆในภาพยนตร์เรื่องนี้เช่นกัน
ศรี เซียนนกต่อ รับบทโดย ภัทรา อธิษราษฎร์กุล(จุ๊บ) นักแสดงรุ่นน้องสุดซี้ ที่มาพร้อมกับความมั่นใจเกินร้อย และยังเป็นการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกของเธออีกด้วย โดย จุ๊บ ภัทรา เล่าถึงการร่วมงานกับ แมน ศุภกิจ ในฐานะผู้กำกับ และ ถูกสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำหมดในภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า
“ร่วมงานกับพี่แมน ในฐานะของผู้กำกับ เราต้องฟังเขาทุกอย่าง เราต้องไว้ใจเขา คือฝากชีวิตไว้กับเขาเลยภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาจะพาเราไปทิศทางไหน ก็ต้องเชื่อใจเขาและไว้ใจที่สุด พี่เขาสั่งอะไรก็ต้องทำหมดทุกอย่างค่ะ ทั้งการแต่งตัว ต้องบ้าให้ได้มากๆ ทีมงานในกองถ่ายเห็นจุ๊บแต่งตัวแล้วขำ ไม่คิดว่าจุ๊บจะกล้าใส่ กล้าแต่งหน้าอะไรแบบนี้ เรียกว่า เยิน ยังได้เลยนะ จะเห็นศรี สวยน้อยมากในเรื่อง มีแค่ประมาณ 2 ตอนมั้งที่สวย นอกนั้นยับเยินหมด”
ผู้กำกับแมน ศุภกิจ เล่าถึงการเลือก จุ๊บ ภัทรา ด้วยสเปคตรงตามคาแรคเตอร์ที่ต้องการคือ “สำหรับ ศรีจะต้องเป็นผู้หญิงแข็งแรงและแกร่ง เพราะต้องมาอยู่กับผู้ชายอีก 3 คน ในบางมุมก็จะต้องแข็งแกร่งกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ กร้านโลกผ่านอะไรมาเยอะ และจากที่เคยร่วมงานกับจุ๊บ ภัทรา เขาเป็นผู้หญิงที่เหมือนผู้ชาย เป็นคนที่ไม่กลัวอะไร กล้า จึงเหมาะ โดยศรี มีภารกิจคือเป็นนางนกต่อ บทบาทสำคัญหลักเป็นตัวเชื่อมให้กับแก๊ง โปรยเสน่ห์ให้เจ้าของบ่อน พวกเซียนทั้งหลายหลงชอบหรือเพื่อไปหลอกนั่นเอง”
เรียง เซียนพนัน รับบทโดย อัครินทร์ อัครนิธิเมธรัฐ (โจ๊ก ) หนุ่มเซอร์เจ้าเสน่ห์ ขวัญใจเด็กแนวแห่งยุคนี้ ด้วยไสตล์ที่ชัดเจนกับมาดกวนๆชวนฮา จึงเหมาะสมและเข้าคู่การแสดงกับ เทพ โพธิ์งาม ได้อย่างกลมกลืนในบท น้ากับหลาน คู่ซี้คนละขั่ว รั่วจนกลายเป็นคอแนวเดียวกัน โดยแมน ศุภกิจ เล่าถึงการเลือก โจ๊ก อัครินทร์ สวมบทเซียนพนันครั้งนี้ว่า
“เรียง คาแรคเตอร์จะเป็นคนโลภ บ้าคลั่งเรื่องของวงการพนัน โดยหวังจะรวยด้วยวิธีการเสี่ยงโชคตลอดเวลาความสำคัญของเรียง คือเป็นตัวที่ทำให้เรื่องดำเนินตลอดเวลา เพราะจะคอยชี้นำคนอื่น ไปเล่นนี่สิได้เงินนะ ไปทำนั่นสิได้เงินเยอะ ที่เลือก โจ๊ก อัครินทร์ ผมชอบสไตล์จังหวะในการเล่นของเขา ยิ่งพอได้เข้าคู่กับป๋าเทพเป็นอะไรที่พอดีกันมาก มันอาจจะขาดๆเกินๆ แต่พอจังหวะมารวมกันแล้วมันได้ มันใช่ ส่วนตัวโจ๊กเอง เขาเป็นคนมีคาแรคเตอร์ชัดเจน ดูเซอร์ๆ ดูเหมือนพวกชอบไปอยู่ในสนามมวย สนามม้า(555)”
ผ่านการแสดงภาพยนตร์มาหลายเรื่อง แต่สำหรับ โจ๊ก อัครินทร์ ยอมรับว่าบทของ เรียง ค่อนข้างยาก เพราะต้องเล่นเป็นคนพูดมาก พูดเก่ง พูดให้ชาวบ้านเชื่อให้ได้ โดยเล่าว่า
“ตัวคาแรคเตอร์เรียง ค่อนข้างพูดมาก บทพูดก็จะยาว ต้องพูดเยอะ พูดจนน่ารำคาญ เวลาแสดงเราจะต้องพยายามจับสถานการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้เราอยู่ที่ไหน เราพูดเรื่องอะไร ต้องเข้าฉากแสดงคู่กับป๋าเทพเกือบตลอด เจอแกวันแรกก็ไม่ได้เกร็งอะไร เล่นปกติ ป๋านิสัยดีด้านการแสดงมืออาชีพอยู่แล้ว ต่างคนต่างทำตามหน้าที่ของตัวเองให้ดี โอเคเลยครับ”
เซียน จอมวางแผน และเซียนพระเครื่อง รับบทโดย เทพ โพธิ์งาม นักแสดงตลก เหนือชั้นด้านการแสดงจนก้าวสู่ระดับอินเตอร์กับการแสดงภาพยนตร์ต่างประเทศ ในภาพยนตร์ สีเรียงเซียนโต๊ด เมื่อถูกวางตัวให้กลายเป็นรุ่นใหญ่ เก๋าสุดกับการวางแผน เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโกง อารมณ์ของการแสดงตลกจึงถูกปรับให้ลดลง ด้วยความตั้งใจของผู้กำกับแมน ศุภกิจ ที่ต้องการเห็นการแสดงแบบไม่ซ้ำซากจำเจ โดยเล่าว่า
“คาแรคเตอร์ของ เซียน มีความรู้ในเรื่องพระได้ดีมาก สามารถทำพระจริงเป็นของปลอม จากของปลอมเป็นของจริง และเป็นผู้ใหญ่ที่จอมวางแผน ซึ่งผมนึกถึงป๋าเทพครับ ป๋าเองเขาแสดงได้หลายแบบอยู่แล้ว เลยคิดว่าถ้าปรับมาแสดงแบบไม่ตลกบ้างล่ะ ตลกน้อยๆ แอบตลก หรือตลกด้วยสถานการณ์ เป็นอะไรที่แปลกใหม่ดีนะซึ่งป๋าแสดงออกมาได้ดีมาก และจังหวะเขาเป็นจังหวะคอมเมดี้มากๆ ยิ่งพอมาอยู่กับ เรียง หลานชายในเรื่องผสมกันแล้วโอเคมากๆ ก่อนหน้านี้เราไม่รู้หรอกว่าสองคนนี้มาเล่นด้วยกันแล้วจะเป็นยังไง แต่พอถ่ายทำกันไปเรื่อยๆ มันมีอะไรที่มากกว่าที่เราคิด และกำกับไว้เยอะครับ(ยิ้ม)”
ด้าน เทพ โพธิ์งาม เล่าถึงการรับบทบาทที่แตกต่างจากบทเดิมๆ เพราะโดยส่วนมากมักจะถูกเชิญให้รับบท พระ ไม่ก็บทของ สัปปะเร่อ อยู่บ่อยครั้ง แต่ในภาพยนตร์ครั้งนี้ แมน ศุภกิจ ผู้กำกับอนาคตไกล ได้เลือกให้รับบทบาทที่มีสีสันขึ้นมาว่า
“ถ้าพูดถึงอายุคงไม่แตกต่างกับคาแรคเตอร์ ถ้าเป็นเซียนพระก็น่าจะวัยนี้ ส่วนบทบาทที่ได้รับแตกต่างแน่นอน น้อยเรื่องมากนะที่ป๋าจะเล่นเป็นตัวที่อยู่ในกลุ่มของพวกพระเอก ถือว่าเรื่องนี้มีความขยันขึ้นมา ดูมีบทบาทและมีความสำคัญมากขึ้น แม้จะเป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกับผู้กำกับแมน เขาจะมีมุกสากล ไม่มุกตลาด ชอบนะอารมณ์การแสดงทุกอย่าง สากลคือเน้นการแสดงธรรมชาติมากที่สุด ป๋าว่าเขามีความคิดอะไรที่ฉีกๆ เขาเป็นคนที่ชอบอะไรฉีกๆไม่ค่อยชอบอะไรจำเจ โอเคนะ แมนมันเป็นผู้กำกับมีอนาคต”
โต๊ด รับบทโดย ชาคริต แย้มนาม พระเอกเสน่ห์ล้น ไม่ว่าจะรับบท นิ่งขรึม กะล่อนเจ้าชู้ ตลก ดราม่า เขาก็สามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างดีไร้ที่ติ ซึ่งในเรื่องนี้เขาเองก็ต้องแสดงหลากหลายอารมณ์เช่นกันในแต่ละฉากจนผู้กำกับแมน ศุภกิจ เอ่ยปากชื่นชมการแสดงของชาคริตในครั้งนี้ว่า
“โต๊ด คาแรคเตอร์เป็นเซียนไพ่ แต่เป็นไพ่มายากล เขาจึงมีความสามารถในการเล่นกลไพ่ ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดี คนจะเดาไม่ออกว่าเขาคิดอะไร โต๊ดเองมีความใฝ่ฝันที่ค่อนข้างใหญ่ เขาจึงต้องการเงิน รับบทโดย ชาคริต แย้มนาม ประกอบกับคาแรคเตอร์ของโต๊ด ต้องเป็นคน ดูเงียบๆ ขรึมๆ ดูมีอะไร เดาไม่ออก มีเล่ห์เหลี่ยมอยู่ข้างใน ตัวชาคริตเองเขาเท่ก็ได้ เล่นตลกก็ได้ ขรึม กระล่อนได้หมด ในฉากที่ต้องเท่เขาก็ถ่ายทอดออกมาได้มีเสน่ห์และมีพลังมากครับ ผมว่าเขาเหมือนเกาจิ้ง เจ้าพ่อฮ่องกง คล้ายโจเหวินฟะตอนหนุ่มเลยครับ”
แม้จะผ่านมามากมายหลายบทบาท บทตลกก็เคยแสดงมาแล้ว แต่สำหรับ ชาคริต แย้มนาม ก็ยอมรับว่า ความเป็นตลกของภาพยนตร์ สีเรียงเซียนโต๊ด แตกต่างจากบทตลกเดิมๆที่เคยแสดงมา
“ด้วยสไตล์ของหนังกับคาแรคเตอร์ที่พี่แมนสร้างขึ้นมา ออกแนวแบบกวนๆ มันกวนหน้าด้านๆ แตกต่างจากบทตลกที่เคยแสดงมาก่อนหน้านี้ ผมกับพี่แมนเราสนิทกันเพราะเคยแสดงละครด้วยกันมา รู้สึกดีใจที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับพี่แมนในฐานะผู้กำกับกับนักแสดง ฝันกันมานาน คุยกันมานาน เราน่าจะทำอะไรร่วมกัน หรือเมื่อไหร่เขาจะเป็นผู้กำกับ จากจุดเริ่มต้นตอนนั้นคิดก็เลยทำกันเลย ทำหนังสั้นขึ้นมาก่อนก็ไม่เคยคิดว่ามันจะได้เป็น Go So Big ขนาดนี้ การร่วมงานกับพี่แมนเหมือนไม่ได้ทำงาน(555) เพราะเรารู้จักกันอยู่แล้ว เวลาเขาพูดอะไรมาเราเข้าใจฟิวเขา พี่แมนค่อนข้างไว้ใจ แล้วก็เป็นหน้าที่ของนักแสดงที่ต้องเข้าใจกัน ส่วนใหญ่ก็มีการปรับขึ้นปรับลงนิดหน่อยไม่มีอะไรมาก ทำงานง่ายมาก ทำงานกันแบบอบอุ่น”
ด้านผู้กำกับ แมน ศุภกิจ เล่าถึงความรู้สึกและการได้ร่วมงานกับนักแสดงทั้ง 4 คน ว่า “สำหรับ 4 คนนี้ มีเคมีตรงกันไปหมดเลยตามที่คิดไว้ ที่เรามองไว้เออพวกเขาใช่มากๆ แล้วพออยู่ด้วยกัน 4 คน มันสนุกมาก เคมีข้างในมันเข้ากันไม่ยอมกันเลย เล่นแบบว่าทั้งตามบท ทั้งเล่นนอกบทอะไรที่เราไม่ได้บอกแต่ออกมาได้ดี เกิดจากความไม่ยอมกัน คนนี้เล่นไว้ดีแบบนี้ มาถึงคิวเราก็ต้องเร่งตัวเองให้ดีขึ้น กลายเป็นแบบนั้นเหมือนแรงผลักดันกันและกันครับ ผมยังเสียดายที่ไม่ได้เล่น(555) แต่ว่าดีใจที่ได้กำกับ”
ดับเบิ้ลฮา สนุก สุดเซอร์ไพรส์
เติมสีสันดับเบิ้ลความฮา ด้วยนักแสดงรับเชิญสุดพิเศษ อาทิ แป้ง อรจิรา, เกลือ เป็นต่อ, จุ๊บจิ๊บ ชวนชื่น, โยกเยก เชิญยิ้ม, ปู อนุวัฒน์, ปิงปอง สะแกวัลย์, แซน พนมกร หรือแม้แต่ นิดหน่อย จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี เจ้าของเบียร์สิงห์กับการแสดงครั้งแรก, โอ่ง กงพัฒน์ ศักดาพิทักษ์ ศิลปินวาดภาพประกอบ, ป๋าตึก แห่งวงการแฟชั่น และยังมีนักแสดงรับเชิญอีกมากมายหลายคน ในบทบาทและคาแรคเตอร์ต่างๆที่จะมาสร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับคนดู จนห้ามกระพริบตา
เพลงประกอบภาพยนตร์ “อย่าให้มันโกง” ของศิลปินวงสุดฮิตยุคอดีต รอยัลสไปรท์ส ถูกนำมามิกซ์ใหม่โดย Spydamonkee Beatlounge Production เป็นผู้ทำดนตรีประกอบให้กับภาพยนตร์ ซึ่งเหตุผลที่ผู้กำกับแมน ศุภกิจ เลือกนำเพลง อย่าให้มันโกง ประกอบในครั้งนี้ ก็เพราะเนื้อหาของเพลงว่าด้วยการโกงล้วนๆและยังตรงกับเรื่องราวในภาพยนตร์ จึงนำมาทำใหม่ ด้วยการเพิ่มจังหวะทำนองให้สนุกสนาน และมีความร่วมสมัยมากขึ้น กับแนวอิเล็กทรอนิกส์ฟังก์
การปรับลุคนักแสดงทั้ง 4 คน กับชุดเสื้อผ้าที่จะต้องถูกปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดในแต่ละฉาก เพื่อให้เข้ากับเหตุการณ์และสถานการณ์ ยกตัวอย่าง ชาคริต กับชุดนักมายากลโชว์กลไพ่ตามผับบาร์ หรือจะใส่สูทผูกไทเพื่อให้สมกับมาดเซียนไพ่หล่อเนียบ ตลอดไปจนถึงชุดพนักงานเก็บศพปอเต๊กตึ๊ก เป็นต้น, โจ๊ก อัครินทร์ นอกจากเสื้อผ้าเซอร์ๆตามสไตล์ถนัด เขายังต้องใส่ชุดพนักงานโรงแรม แถมยังต้องฝึกพูดภาษาเขมร, เทพ โพธิ์งาม ยอมโชว์หุ่นกับการสวมกางเกงมวยไทย และจุ๊บ ภัทรา ที่ลงทุนยอมลดดีกรีความสวย กับชุดสภาพเยิน ที่แม้แต่พอจะได้สวยทั้งที่ก็ยังต้องมีลูกบอลติดอยู่ที่บั้นท้ายตลอดเกือบทั้งเรื่อง
ครั้งแรกที่ทีมกองถ่ายภาพยนตร์บุกเข้าไปถ่ายทำฉากบ่อนคาสิโนจากสถานที่จริง ริมฝั่งชายแดนประเทศไทย
ซึ่งปกติแล้วนับว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก กับการที่จะขอเข้าไปใช้โลเคชั่นจริง แต่ สีเรียงเซียนโต๊ด ก็อาศัยความดวงเฮง สามารถบุกเข้าไปถ่ายทำ พร้อมเก็บภาพบรรยากาศบ่อนมาได้ รวมถึง โลเคชั่นสนามมวยราชดำเนิน ผู้กำกับ แมน ศุภกิจ ยอมลุงทุนปิดสนามมวย เพื่อถ่ายทำฉากพนันศึกสังเวียน โดยใช้เวลาถ่ายทำกันเกือบ 24 ชั่วโมง
ชาคริต แย้มนาม กับการโชว์ลีลานักมายากลครั้งแรกในการแสดง ที่ทุ่มเทและตั้งใจกับฉากโชว์มายากล แม้จะเตรียมตัวในด้านอารมณ์แอ็คชั่นมาอย่างดี แต่สำหรับการแสดงมายากล เขาก็ขอลุยติวเข้มกับอาจารย์นักมายากลตัวจริงก่อนจะถ่ายทำทุกครั้ง ทั้งมายากลห่วง ดาบ เสกนกพิราบ ตลอดจนกลไพ่ ที่จะทำให้คนดูเชื่อและประทับใจในฝีมือการแสดงของเขากับบทบาทครั้งใหม่
ไฮไลท์ฉากวัดใจ เสี่ยงดวง เฮง เฮง ฮา!
- ประเดิมแผนการโกง mission แรก บุกบ่อนเสี่ยปู
เป็นฉากเฉือนคม ระหว่างเสี่ยปู VS. โต๊ด ห้ำหั่นอารมณ์จนคนดูต้องลุ้นตาม เหมือนเป็นผู้เล่นอยู่ในเกม และยังต้องร่วมทายการใบ้ตัวเลขจากศรี ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนางนกต่อฝีมือฉกาจ ผู้กำกับ แมน ศุภกิจ เล่าถึงความยากของการถ่ายทำฉากครั้งนี้ว่า
“ฉากในบ่อนเสี่ยปู มันมีดีเทลเยอะ ทั้งอารมณ์ ความรู้สึกหลากหลาย นักแสดงจะต้องดูเท่ แล้วยังต้องลุ้นจนตื่นเต้นนักแสดงทุกคนตั้งใจแสดงกันอย่างเต็มที่มาก รวมถึงทีมงานละเอียดกับเนื้องานมาก สำหรับฉากนี้ฉากเดียวเราถ่ายทำกันนานถึง 2 วัน เพราะมันคือการแสดงชั้นเชิงของตัวละครแต่ละคน”
ชาคริต เล่าถึงฉากนี้ว่า “หลักๆเป็นเรื่องของแอ็คชั่นตอนเล่นไพ่ ตอนลุ้นไพ่มากกว่า มีสับไพ่บ้าง ซึ่งก็ต้องมี
การฝึกซ้อมที่หน้ากองก่อนถ่ายจริงครับ มันยากนะอย่างคนที่สับไพ่เก่งจริงๆเขาฝึกกันมานานนับ 10 ปี กันเลย”
- แผนการโกงผ่านฉลุย ปิดข้าวสารฉลองฮาทิ้งตัว
เมื่อแผนการโกงที่เตรียมการกันมาอย่างดีของพวกเขาทั้ง 4 คน สามารถโกยเงินมาได้สำเร็จ ถึงเวลาฉลองยาวแบบ non stop กับโลเคชั่นแสงสี มากมายด้วยผู้คนหลากเชื้อชาติบนถนนข้าวสาร อีกหนึ่งฉากความสนุกที่คนดูจะได้เห็นความรั่วสุดขีดตลกแบบไม่ต้องบรรยาย กับเคมีการแสดงที่ลงตัว และกลมกลืนของตัวละครทั้ง 4 คน ที่แม้ลึกๆแล้วมีปมชีวิตที่น่าเศร้า แต่ก็สามารถหัวเราะเยาะในโชคชะตาของพวกเขาได้จากความสำเร็จในครั้งนี้ เทพ โพธิ์งาม เล่าถึงฉากประทับใจเป็นพิเศษว่า “เป็นฉากที่พวกเราประสบความสำเร็จในการโกง ได้เงินมาก้อนนึงแล้วก็ไปฉลองกัน ต่างคนต่างพาไปกินเหล้าเมากันเละเทะ ที่ถนนข้าวสาร เป็นฉากที่สนุกมาก นักแสดงทุกคนต้องเมากันแบบหมดสภาพเลย”
ด้าน จุ๊บ ภัทรา เล่าเสริมถึงฉากนี้ว่า “ในบทเราต้องเมาจนไม่มีสติ ไม่รู้เรื่อง ด้วยอาชีพศรีมันเป็นโคโยตี้
ที่รูดเสา พอเดินไปเจอรถแม่ค้าที่มีเสา เราก็จัดการขึ้นไปรูดเลยจ้า ปรากฏว่าแม่ค้าไม่รู้ว่าเราถ่ายหนังอยู่ เกือบโดนตบจริงๆ เพราะทุกอย่างมันเรียล มันจริงหมด เราไม่ได้เซ็ทใดๆ แล้วที่ถนนข้าวสารฝรั่งเยอะ ก็เกือบจะโดนแฟนฝรั่งตบเอาเหมือนกัน(555) ต้องดูนะ อยากให้ดูว่า ศรีมันเอาตัวรอดมาได้ มันเป็นคนเก่งมากเลยนะในเรื่องนี้”
อยากรวยต้องลงทุนโกง ล็อคเป้าหมายที่ปอยเปรต ข้ามเขตสู่กัมพูชา
ฉากเสี่ยงดวงครั้งสำคัญ ที่ตัวละครทั้ง 4 คน ต้องบุกข้ามประเทศไปยังดินแดนแห่งโคตรเซียน บ่อนคาสิโนรายใหญ่ปอยเปรต และสถานที่แห่งนี้ ทำให้เกิดเรื่องราววุ่นวายเมื่อพวกเขาได้มาเจอกับเสี่ยชู เจ้าของบ่อนสุดโหดเหี้ยม จึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนโชคชะตาชีวิตผกผัน ต่างคนต้องแยกกันหาทางออกเอาตัวรอด และกลายเป็นเครื่องพิสูจน์ ระหว่างเงิน กับ ชีวิต จะยอมเลือกสิ่งไหน แล้วมิตรภาพของพวกเขาทั้ง 4 คนจะเป็นเช่นไร ฉากครบรสหลากอารมณ์ที่จะชวนให้คนดูทั้ง ฮา ลุ้น ระทึก หักมุม กวนอารมณ์ไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ขนาดนักแสดง ชาคริต ยังต้องขำไปแสดงไปไม่หยุด
“จริงๆมันตลกทุกฉาก แต่ผมชอบฉากที่เซียน(ป๋าเทพ)ถูกจับตัว แล้วพวกเราก็ต้องบุกเข้าไปช่วย พอเปิดประตูเข้าไปในห้องเห็นสภาพแล้วมันฮาดี กับฉากคาสิโนที่ปอยเปรต มันเล่ามากไม่ได้ต้องไปดูกันครับ เมื่อพวกเราถูกจับได้ก็ต้องหนี หนีเข้า หนีออก วนๆอยู่ทั้งคืน ถ่ายกันถึงตี 4 ตี5 เลยครับ”
ฮาจิกกัด ทุกสถานการณ์ สะท้อนแง่คิด
สีเรียงเซียนโต๊ด กับสไตล์สร้างเสียงฮา ตลกด้วยสถานการณ์ และโดดเด่นที่คาแรคเตอร์ของตัวละครมีมุม
รั่วสุดๆ ลูกบ้ามุทะลุ ของตัวเองบนความตั้งใจที่ช่วยกันรวมหัวโกงชาวบ้านบุกไปถึงบ่อนคาสิโนชื่อดัง ด้วยความเชื่อว่าทำได้ โดยผู้กำกับ แมน ศุภกิจ เล่าถึงมุกตลกในภาพยนตร์ว่า
“ความฮาหรือมุกตลกจะประมาณเทคที่3 เพราะทุกคนมาเต็มเหลือเกิน ทุกคนจะมีสไตล์เป็นของตัวเอง เราไม่ได้มีซ้อมจังหวะตลกทุกอย่างตามธรรมชาติเล่นจนกว่าความเป็นธรรมชาติจะลงตัวกัน ซึ่งบางทีมี 3 เทค 4 เทค เราแทบจะไม่ได้ซ้อมการแสดงกันเลยดีกว่าคือเอาความธรรมชาติของการแสดงที่เราเข้าใจและของ 4 คนมาจูนให้มันเข้ากัน”
นอกจากเป็นการหยิบเรื่องราวใกล้ตัวมานำเสนอ เทพ โพธิ์งาม ยังเล่าถึงความน่าสนใจของภาพยนตร์ว่า “ป๋าว่าเป็นภาพยนตร์ที่มีเสน่ห์ ในความเป็นธรรมชาติเมื่อเราพูด เราคุยกัน ดูกลมกลืนกันหมด คนดูได้มีส่วนร่วมไปด้วย กับเรื่องราวความเป็นเพื่อน เมื่อมีความสุขร่วมกัน แล้วมีปัญหาเกิดขึ้น ส่วนความน่าสนใจ จุดเด่นที่น่าดึงดูดคือ ชาคริต ทำไมเขาถึงมาเล่นกับป๋าเทพ โจ๊ก และจุ๊บ แสดงร่วมกันแล้วมันน่าสนใจยังไงจะเป็นยังไงบ้าง”
ปิดท้ายด้วย ผู้กำกับ แมน ศุภกิจ เล่าถึงสิ่งที่คนดูจะได้รับในการชมภาพยนตร์ “แน่นอนความบันเทิงและความสนุก อันนี้เป็นหลักแรกที่เราคิด ดูแล้วสนุก ดูแล้วหัวเราะ ตลกดีนะ ส่วนสาระจากภาพยนตร์เรื่องนี้ จริงๆก็อยากจะบอกว่ามันคือความโลภ ไม่ได้ทำให้ใครดีขึ้น กิเลสหรือตัณหามันไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้นหรอกครับ”
ทีมผู้อยู่เบื้องหลังการโกง
ผู้กำกับ/เขียนบท : ศุภกิจ ตังทัตสวัสดิ์
เข้าวงการด้วยการเป็นนายแบบ ก่อนเริ่มเป็นนักแสดงทางละครโทรทัศน์อาทิ อรุณสวัสดิ์/คุณยายโอซาก้า/เยาวชนในพายุฝน/พิษกุหลาบ/รักในรอยแค้น/สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย เป็นต้น นอกจากนี้เขายังมีโอกาสคว้าไมค์เป็นนักร้องศิลปิน และเป็นพิธีกรรายโทรทัศน์ ตลอดจนแสดงละครเวทีเรื่อง บัลลังก์เมฆ และแสดงภาพยนตร์ไทยเรื่อง สุริโยไท(2544) / เดอะเลตเตอร์ เขียนเป็นสั่งตาย(2549)
ล่าสุดกับความฝัน และประสบการณ์ที่สั่งสมมาตลอดกว่า 20 ปี แมน ศุภกิจ ขอลุยงานเบื้องหลังด้วยการเป็นผู้กำกับภาพยตร์ พร้อมโชว์ความสามารถด้านการเขียนบทเรื่อง สีเรียงเซียนโต๊ด ภาพยนตร์แนว Dark/Comedy ผลงานการกำกับเรื่องแรกในชีวิตเขาเอง
ผู้ควบคุมงานสร้าง : นนทรีย์ นิมิบุตร
เริ่มเข้าวงการบันเทิงด้วยการเป็นผู้กกำกับมิวสิกวิดีโอ ก่อนเริ่มมาผลิตสารคดีและละครโทรทัศน์ จนเมื่อเริ่มหันหน้าเข้าสู่วงการภาพยนตร์ไทยด้วยการเป็นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง 2499 อันธพาลครองเมือง(2540) ทำให้วงการภาพยนตร์กลับมาบูมอีกครั้ง เขาคือผู้บุกเบิกวงการภาพยนตร์ยุคใหม่ของไทย และเมื่อภาพยนตร์เรื่อง นางนาก(2542) เข้าฉาย ก็ได้รับการตอบรับอย่างดีพร้อมทั้งคว้า
รางวัลมากมาย
ปัจจุบันนอกจากกำกับภาพยนตร์, เขียนบทภาพยนตร์แล้ว เขายังเป็นผู้ควบคุมงานสร้างให้กับภาพยนตร์ไทยอีกมากมายหลายเรื่อง