กรรไกร ไข่ ผ้าไหม กำหนดฉาย 3 เมษายน 2557

เรื่องย่อ

ในกรุงเทพฯ ที่มีแต่เรื่องการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียนหรืออาชีพต่างๆ ทุกแขนงของสังคมทำให้ทุกคนต้องปากกัดตีนถีบเพื่อเอาตัวรอด

แต่ที่ “โรงเรียนนานาจิตตรงกัน” นั้นมีความรักความสามัคคีให้กันและกันเสมอจนทำให้ทุกคนอยากจะมาเรียนที่โรงเรียนนี้ทั้งคนจนและคนรวย เพราะโรงเรียนมีความเมตตาสูง

และเรื่องราวความสนุกสนานครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้นในโรงเรียนนี้ เมื่อประเทศไทยต้องเข้าสู่ประชาคมอาเซียน (AEC) ในอีกสองปีข้างหน้า ทำให้โรงเรียนต้องยกระดับความรู้ความสามารถในเรื่องภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาสากลโลกให้ได้เป็นอย่างดี งานนี้จึงกลายเป็นภาระ…เอ้ย…การบ้านชิ้นใหญ่สำหรับเด็กนักเรียนที่ไม่คุ้นเคยกับภาษาอังกฤษ เมื่อนักเรียนทุกคนต้องเรียนรู้และฝึกพูดภาษาอังกฤษให้ได้ทั้งทักทาย พูดคุย ถามตอบในโรงเรียน OMG!!! Hello, How Are You, I’m Fine, Thank You, What, When, Where, Why กันละเนี่ย

แต่ยังไม่จบเรื่องฟุดฟิดฟอไฟ ก็ดันมีเรื่องเวรี่ด่วนมากให้ต้องรีบทำ เมื่อทางโรงเรียนได้รับเชิญให้ส่งนักเรียนเข้าประกวดลีลาศเพื่อเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันกับนานาชาติ ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพในปีนี้

เอาล่ะสิ งานเข้าเต็มๆ แบบยกกำลังสอง ทั้งการเรียน การแข่งขัน ความรัก ความสามัคคี ความอลเวงแสบซ่าจากเด็กนักเรียนหลากรุ่นหลายแก๊งทั้งแก๊งนางฟ้า, แก๊งโอเลี้ยง, แก๊งนักดนตรี, แก๊งเด็กแสบ, แก๊งหนุ่มหล่อ, แก๊งกะโหลกกะลา ฯลฯ

สารพัดเรื่องราวสารพันความสนุกเฮฮาที่เกิดขึ้นในโรงเรียนแห่งนี้ที่คุณต้องติดตามใน “กรรไกร ไข่ ผ้าไหม” ภาพยนตร์สุดหรรษาเรื่องล่าสุดที่ส่งตรงจากผู้กำกับ “บิณฑ์  บรรลือฤทธิ์” ฉายต้อนรับเทศกาลวันเด็ก 23 ม.ค. 57

ทีมนักแสดง

 

กลุ่ม 1  (แก๊งนางฟ้า)

เป็นกลุ่มคนที่สวยคิดดีสร้างสรรค์สิ่งที่ดีๆ เป็นเหมือนนางฟ้า เป็นอะไรที่ออกมาในหนังแล้วรู้สึกว่ามันสวยงาม ร่าเริง แจ่มใส ดูแล้วสดชื่น

คาแร็กเตอร์ของตัวละคร

น.ส.วิรากร คิ้วศุภกร  ชื่อเล่น ฟร้อน  (รองอันดับ 1 มิสทีนไทยแลนด์ 2012) รับบทเป็น ฟร้อน เป็นคนมีความคิด บ้านค่อนข้างเป็นคนโบราณลูกคนจีนไม่อยากให้อยู่ห่างกลัวลูกจะลำบาก ลักษณะบุคลิกเป็นผู้นำเป็นหัวหน้าห้อง ในกลุ่มจะเป็นคนที่คอยดูแลเพื่อนฝูง อะไรที่ไม่ดีก็คอยห้ามปราม

น.ส. ข้าวขวัญ กฤษณโสภา ชื่อเล่น  เบนซ์  (นักร้องลูกทุ่ง) รับบทเป็น  เบนซ์ คาแร็คเตอร์จะแรงนิดๆเป็นคนใจร้อน จะมีบุคลิกคล้ายมิว ชอบผู้ชายก็จะชอบเหมือนกันชอบคนเดียวกัน ออกแนวชิงดีชิงเด่นกันกับมิว

น.ส.พิมพ์ลดา ลภัสกุลวรวัฒน์ ชื่อเล่น ไข่มุก  (จากละครซิทคอม รักริทึ่มฯ) รับบทเป็น ไข่มุก เป็นคนเรียบง่ายเฉยชา ใครจะอะไรยังไงก็ช่าง มองโลกในแง่ดีสวยงาม เพื่อนทำอะไรก็ทำตาม ไม่เคยขัดใจเพื่อน

น.ส.ธฤศวรรณ  กาหงวงษ์  ชื่อเล่น  มิว (ภ.ปัญญา เรณู ,ละครซิทคอม คู่กิ๊กพริกกระเกลือ ) รับบทเป็น มิว คาแร็คเตอร์จะแรงๆ บุ่มบ่าม ขาดความยับยั้งไม่เกรงใจใคร ชอบไปดูผู้ชายหน้าตาดีๆ หล่อๆ อารมณ์ร้อน จะมีบุคลิกคล้ายเบนซ์ ชอบผู้ชายก็จะชอบเหมือนกันชอบคนเดียวกัน ออกแนวชิงดีชิงเด่นกันกับเบนซ์

น.ส.ณัฐริกา เฝ้าดาน ชื่อเล่น  วิว (มิสกอสซิปเกิร์ล 2013) รับบทเป็น  วิว เป็นคนร่าเริงเฮฮา ตามเพื่อนเฮไหนเฮกัน กินไหนกินนั้น นอนไหนนอนนั้น สนุกสนานเฮฮาตามกลุ่มตามประสา

ด.ญ.ชุติรดา   จันทิตย์ ชื่อเล่น  ปุยฝ้าย  รับบทเป็น ปุยฝ้าย (นางแบบโฆษณา เนสเล่, e-mag TOTฯ) คาแร็คเตอร์จะเป็นสาวใสสไตล์นางแบบ นิ่มๆ

น.ส.ภัทรารวีย์ เบ้าสุวรรณ ชื่อเล่น  เบส (รองอันดับ 2 มิสทีนไทยแลนด์ 2013) สาวห้าวๆ แต่น่ารัก

น.ส.ณัฐนิชา เชิดชูบุพการี  ชื่อเล่น  อิน (จากโฆษณาโทรศัพท์มือถือ  เก็กฮวยถ้วยใหญ่ๆ  ชักแหง็กๆ) สาวสวยน่ารัก นิสัยอะไรยังไงก็ได้ เห็นดีเห็นงามกับเพื่อนตลอด

ด.ญ.ยุวธน ไอยเรศกร ชื่อเล่น หยก (ภ.ปัญญา เรณู) เป็นเด็กสาวที่ไม่ค่อยใสใจอะไรกับใคร ดูไร้เดียงสา

ด.ช.ศุภกิจ คิ้วศุภกร  ชื่อเล่น  โฟร์ รับบทเป็น โฟร์ เป็นเด็กเรียบร้อย หน้าตาดีสะอาดขาว รักดนตรี มองโลกสวยงาม เล่นดนตรีกับเรียนเท่านั้น เรื่องรักไม่สนใจ เป็นสุภาพบุรุษ เป็นขวัญใจสาวๆ

สวยไฮโซ: สุธิดา หงษา (ภ.ปัญญาเรณู 1-3, ละครรักออกอากาศ, ชิงนาง) ชื่อเล่น น้ำขิง รับบทเป็น  น้ำขิง

บ้านรวยขายผ้าไหม เอาแต่ใจตัวเอง ถือว่าตัวเองรวย แต่ความรวยช่วยอะไรไม่ได้เลย เป็นประเภทรวยแต่ไม่รู้ถึงความถูกต้อง 

กลุ่ม 2 (แก๊งโอเลี้ยง) นำแสดงโดย : แซ็กกี้-พงษ์สิทธิ์ นาเวียง, เปเล่-บุญฤทธิ์ จันทร์แก้ว, ชิต-วิชิต สมดี, ช้าง-พงศ์นรินทร์ พรหมพินิจ

กลุ่มเด็กผู้ชายสุดแสบวัยประมาณ 15-16 ปีที่ฮอร์โมนพลุ่งพล่านอยากรู้อยากเห็นเรื่องราวเพศตรงข้าม มีความทะลึ่งตึงตังบ้าง ชอบทำผิดกฎระเบียบของโรงเรียนหรือแกล้งกันในห้องเป็นอะไรที่คิดว่าครูบังคับให้ทำโน่นทำนี่ พวกนี้ก็จะฝ่าฝืนตามประสาวัยแตกหนุ่ม แต่ก็มีความรักความสามัคคีในแก๊ง และก็สามารถทำให้กิจกรรมของโรงเรียนสำเร็จได้

กลุ่ม 3 (แก๊งเด็กแสบ) นำแสดงโดย :  จีน่า-ณพัศพร บุญธรรมรัตน, นัท-ธัญญรัตน์ ไอยเรศกร

เด็กน้อยวัยประถม 2 สดใสน่ารัก แก่แดดแต่พองาม แอบชอบรุ่นพี่มัธยม 1 ก็ถือว่าเป็นอะไรที่น่ารัก ซึ่งก็เป็นประสบการณ์สมัยผมอยู่ประถม 1 มักจะจดจำและติดคำพูดหวานๆ ในทีวีมาพูดกับรุ่นพี่ในทางน่ารักๆ

 กลุ่ม 4 (แก๊งกะโหลกกะลา) นำแสดงโดยนักแสดงจากภาพยนตร์เรื่อง ปัญญา เรณู 2-3 ตอน รูปูรูปี  อาทิ พลอย-พิมพ์รพี  ดีเมืองปัก, เซฟ-ศศิธร อัปมานะ, ชัฎ-ธัญญชล ไอยเรศกร, ชิซูกะ-ชนันท์กาญต์ เถาว์พัน, โบ๊ท-ปกรณ์ ผ่องศรี

จะเป็นกลุ่มเด็กกะโหลกกะลา หาอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้เลย เป็นแก๊งเด็กที่มาอยู่รวมกันแล้วก็จะมีโน่นมีนั่นมีนี่มีเรื่องวุ่นวายมากมาย ทั้งดื้อ ทั้งซน แต่ก็เป็นกลุ่มที่สร้างสีสันได้เป็นอย่างดี

กลุ่มลีลาศ เบนซ์ – ด.ช.ตรีภพ ภาสดา และ ลูกตาล-ด.ญ.ภัทรนันท์ สุขวิมล (นักเต้นลีลาศ รุ่นไม่เกิน11 ปี) “เป็นอะไรที่ผมเซอร์ไพรส์มาก ผมไม่คิดว่าเบนซ์กับลูกตาลจะเล่นได้ถึงขนาดนี้ ผมคิดว่าแค่เอาเค้ามาเต้นลีลาศอย่างเดียวพอ แต่ตอนเค้ามาเวิร์กช็อปผมดูแล้วเห็นแววก็ให้ครูสอนแอ็คติ้งช่วยสอนให้เป็นพิเศษให้เต็มที่ และพอผมใส่บทสำคัญในเรื่องให้เค้าเล่นเค้าก็เล่นได้ไม่ว่าจะเป็นสีหน้าท่าทางอารมณ์ ดราม่าที่ต้องร้องไห้เค้าก็เล่นได้อย่างดี ไม่มีเทค  ยิ่งลูกตาลผมคิดว่าต้องปั้นเค้าต่อไป ผมไม่อยากได้เพชรมาแล้วแต่เอาไว้ในตมเหมือนเดิมไม่มีประโยชน์อะไรเกิดขึ้นมาเลย ผมว่าสองคนนี้น่าจะมีอนาคตที่ต้องก้าวไปข้างหน้าอย่างแน่นอน ผมเชื่อว่าเค้ามีความสามารถจริงๆ” ผกก.บิณฑ์ กล่าว

ร่วมด้วยนักแสดงสมทบและรับเชิญคับคั่ง

ฮาย – อาภาพร นครสวรรค์, สมเล็ก- สมชาย ศักดิกุล, ยาว ลูกหยี-สันต์ ไชยมาตร, หนูเล็กก่อนบ่ายฯ-เพ็ญศรี ปิ่นทอง , หนูหิ่น-ราวรรณ โทนะหงษา, เกตุ-ธัญญา รัตนมาลากุล , เคที่ -คฑรีนา กลอส , โจอี้ เชิญยิ้ม-โจอี้ กาน่า , แตน-ราตรี วิทวัช, วัชระ สิทธิกุล, , ปิงปอง-สะแกวัลย์ ยงใจยุทธ, พีช-ภู่ระหงษ์ คนสวยมวยสยาม,สารินี แกล้วทนงค์, ต่าย-สายธาร นิยมการณ์, ตุ๊ก-วิมลเรขา ศิริชัยเลขา, พิรุณ-จิราวัฒน์ วชิรศรัณย์ภัทร, จอย ชวนชื่น, แอม หทัยราษฎร์ 

จับเข่าคุยผู้กำกับ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์”

กว่าจะเป็น “กรรไกร ไข่ ผ้าไหม สองบาทห้าสิบ”

“อย่างสมัยเป็นนักเรียนโดนครูบังคับให้พูดภาษาอังกฤษ เราก็ต้องขวนขวายกระตือรือร้นอะไรก็ได้ขอให้ผ่านพรุ่งนี้ไปจะศัพท์สักกี่ตัวต้องท่อง กี่ร้อยตัวเท่าไหร่เราก็ต้องทำให้ได้ และก็จะมีอะไรขำๆ ฮาๆ สมัยเด็กๆ ที่เราท่องภาษาอังกฤษถูกผิดๆ เกี่ยวกับลีลาศเราก็ไปดูการแข่งลีลาศ ก็เห็นเด็กตัวเล็กเต้นแข่งลีลาศ รู้สึกว่าน่ารักมากเลย ทำไมไม่มีใครคิดทำหนังลีลาศออกมา ผมก็คิดมุขว่าต้องเอามารวมกัน

ผมไปดูผู้หญิงต่อยมวยก็เห็นว่าเป็นอะไรที่ความสวยแฝงไปด้วยความอาฆาตบนเวที หน้าสวยมากแต่มีความอาฆาตว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องแพ้ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องชนะเป็นการห้ำหั่นฟาดฟันกัน แต่ก็แฝงไปด้วยความสวยงามของพวกเค้า แล้วก็จะมีพวกที่ทะลึ่งตึงตังในโรงเรียนพวกนี้จะมีทุกโรงเรียน เหมือนผมอยู่ที่โรงเรียนก็จะเป็นแก๊งอยู่หลังห้อง แกล้งคนนั้นแกล้งคนนี้ บางทีก็ทำเค้าถึงเลือดตกยางออก ก็จะมีในหนังเรื่องนี้ด้วยซึ่งก็จะปะปนกันไป ไม่ใช่ว่าจะสวยงามตลอด เป็นงานเป็นการตลอดทั้งเรื่องก็ไม่ใช่ ต้องมีอะไรที่ไร้สาระบ้าง”

ในเรื่องนี้ ผู้กำกับมากฝีมือ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” ยังคงสร้างสรรค์เรื่องราวและเขียนบทเองเหมือนเรื่องที่ผ่านมา โดยอิงจากประสบการณ์จริงของตนเองเมื่อครั้งเยาว์วัยและก็คิดขึ้นมาใหม่ให้ร่วมสมัยด้วย จนออกมาเป็นภาพยนตร์แนวคอมเมดี้-ดราม่า สนุกสนานเฮฮาตามสไตล์ผู้กำกับฯ รวมถึงแฝงไปด้วยสาระที่ทำให้คนดูนำกลับไปคิดอย่างเรื่องความกตัญญู ความสามัคคี ความรักใคร่ปรองดองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มันก็จะก่อเกิดเป็นความสำเร็จได้

ชื่อหนัง “กรรไกร ไข่ ผ้าไหม”

ผมว่ามันเป็นอะไรที่น่ารักดี ผมชอบตั้งแต่เห็นหลานๆ มาที่บ้าน เค้ามาเล่น กรรไกร ไข่ผ้าไหม ไข่หนึ่งใบสองบาทห้าสิบฯ เราก็มาคิดดูว่าถ้าจะทำหนังเรื่อง “กรรไกร ไข่ ผ้าไหมฯ” แล้วมันจะดำเนินเรื่องยังไง ก็เลยคิดว่าเอาเป็นแค่ไตเติ้ลของหนังก็พอ ก็จะเป็นบ้านนี้ตัดผ้าขึ้นด้วยกรรไกร บ้านนี้ขายไข่ บ้านนี้รวยก็ขายผ้าไหม สองบาทห้าสิบก็เป็นชื่อของราคาไข่ไป เรื่องนี้ก็มีเด็กจากเรื่อง “ปัญญาเรณู” บวกกับเด็กนักแสดงที่แคสติ้งเข้ามาใหม่มาอยู่ร่วมกันในโรงเรียน และเมื่อเด็กมาอยู่ด้วยกันรวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน มันก็ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมา ก็จะเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับพวกเค้า เรื่องนี้จะไม่มีการพูดอีสานเลย จะพูดภาษากลาง และมีภาษาอังกฤษเข้ามาด้วยให้ตรงกับว่าปีหน้าประเทศไทยจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งก็ทำให้หลายโรงเรียนตื่นตัวเกี่ยวกับการพูดภาษาอังกฤษ 

นักแสดงทั้งเด็กและผู้ใหญ่เยอะกว่าทุกเรื่องที่ผ่านมา

นักแสดงเด็กเยอะกว่าที่ผ่านมา เพราะดูแล้วผมเสียค่าเอ็กซ์ตร้า เสียค่าดารารับเชิญ พวกพี่ๆ ตลกและนักแสดงรับเชิญเยอะมาก เยอะกว่าทุกเรื่อง ตัวเมนหลักก็เกือบประมาณ 20 คนแล้ว เพราะเรื่องอื่นที่ผมทำตัวเมนก็แค่ 4-6 คน เพราะเรื่องนี้เป็นโรงเรียนนานาชาติก็ต้องมีหลายสิ่งหลายอย่างทั้งอนุบาล ประถม มัธยม คือต้องใช้เด็กในทุกๆ รุ่น เพราะฉะนั้นการที่เอาเด็กมาอยู่รวมกันมันก็เป็นอะไรที่รู้สึกว่าค่อนข้างที่จะปวดหัว แต่ก็สนุกและเพลิดเพลินดี และก็มีบ้างเป็นบางอารมณ์ที่มีความรู้สึกว่าบางทีเราควบคุมไม่อยู่ แต่เราก็รู้ว่าพ่อแม่ผู้ปกครองที่พามาเค้าก็อยากจะให้ลูกตัวเองเด่นลูกตัวเองมีความสามารถ แต่มันก็อยู่ที่พรสวรรค์ของใครของใคร แต่หนังเรื่องนี้มีน้องหลายคนที่เกิดผมเชื่อว่าอย่างนั้น เพราะหลายๆ คู่ที่ผมดูแล้วเก่งลีลาศมากแล้วก็เก่งในการแสดงด้วย ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องแรกของพวกเค้า แต่เค้าทำได้ดีมาก ผมว่านะครับถึงแม้ว่าจะหมดไปกับค่าตัวเด็กๆ เยอะแยะมากมายแต่มันก็คุ้มค่ามาก

พี่ๆ ตลกและนักแสดงรับเชิญมากมายร่วมหลายสิบคน ที่เชิญมาก็อยากจะให้มีสีสัน แต่ถ้าเอาการดำเนินเรื่องของเด็กๆ มากเกินไปมันก็จะเป็นอะไรที่โอ๊ย…มีแต่เรื่องของเด็ก มันก็ต้องมีเรื่องของผู้ใหญ่เข้ามาบ้าง แต่เป็นผู้ใหญ่ที่สอนเด็กเป็นผู้ใหญ่ที่มาควบคุมเด็ก เป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ปะปนกับเด็กแล้วก็มีอะไรให้เล่นกับเด็ก ทำให้หนังเรื่องนี้มันไปน่าเบื่อ เพราะว่าจะมีพี่ตลกเข้ามาแทรกมุขมาให้ฮา ให้เด็กๆ ได้ขำกัน ผมว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่หนังไทยจะขาดไม่ได้ก็คือ พวกตลก

เพลงประกอบภาพยนตร์

เพลงก็เป็นสีสันของหนัง ก็จะได้มีช่วงจังหวะที่มันสมูทสบายๆ สนุกสนาน ไปด้วยเสียงเพลง ผมให้แต่งขึ้นมาใหม่ 2 เพลง เพลงเร็วสนุกๆ เพลงหนึ่ง ชื่อ “กรรไกร ไข่ ผ้าไหม” เพลงช้าๆ ชื่อ “เก็บเธอไว้ในใจ” ถือว่าเป็นเพลงวัยรุ่นน่ารักๆ ที่วัยรุ่นแอบชอบใครแล้วเก็บไว้ในใจไม่ให้ใครรู้

นักแสดงทั้งหมดก็ร้องเพลงทั้งสองเพลงนี้เลย เพราะผมไม่อยากให้หนังเรื่องนี้เอานักร้องจริงๆ เอาคนที่ร้องเพลงเก่งๆ มาร้อง ดูมันไม่ใช่เพลงของหนังเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นก็เลยจับนักแสดงมาร้องก็คือน้องโฟร์ (แชมป์ตีกลองของสยามกลการ) และน้องฟร้อน (รองมิสทีนปี 55) ถึงไม่ใช่มืออาชีพแต่ก็โอเค ร้องดีได้อารมณ์และนักแสดงในเรื่องก็มาร่วมร้องกันหลายๆ คน ซ้อมกันจริงจังก็ประมาณ 3 วัน เต้นก็จ้างครูมาสอนก็ประมาณ 2 อาทิตย์ โดยครูอารดา ฉ่ำตระกูลจาก The Show Team  ก็ออกมาสวยงามน่ารัก เหมาะสมกับหนังสไตล์ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์

การร่วมงานกับนักแสดงรุ่นใหม่

สนุกสนานดีครับ เค้าจะดูกระวีกระวาดอยากที่จะเป็นดาราค่อนข้างที่จะสนอกสนใจและพ่อแม่ก็สนับสนุน และการที่พ่อแม่อยากให้ลูกกล้าคิดกล้าทำกล้าแสดงออก มันก็ทำให้ผมรู้สึกว่าทำงานง่ายขึ้น เมื่อก่อนนี้พ่อแม่จะไม่อยากให้ลูกเป็นดารา แต่ลูกอยากเป็นดาราก็ต้องแอบพ่อแอบแม่มา แต่สมัยนี้เด็กวัยรุ่นกล้าแสดงออกและพ่อแม่สนับสนุน และถ้าเค้าทำได้ดีด้วยเค้าก็จะได้สิ่งตอบแทนคือเรื่องเงิน เรื่องงาน และเรื่องความสำเร็จในชีวิตของเค้า ผมว่านักแสดงสมัยนี้เป็นอะไรที่ค่อนข้างเอาจริงเอาจัง และทุ่มเทกับการแสดงมากๆ

ความประทับใจในการถ่ายทำ

 

ประทับใจทุกฉาก ผมดูแล้วดราม่า ผมก็ร้องไห้หน้ามอนิเตอร์เลย ฉากคอเมดี้ผมก็หัวเราะก๊ากจนน้ำตาไหลหน้ามอนิเตอร์เหมือนกัน เพราะมันเป็นจุดอะไรที่เกี่ยวกับตัวผมด้วยเป็นเหตุการณ์ที่ผมเจอมา แล้วก็มาใส่ไว้ในหนัง อย่างฉากที่โดนเสียบก้น สมัยเด็กๆ ในโรงเรียนผมชอบแกล้งเพื่อนด้วยการเสียบก้นใครเผลอจะโดน ก็เล่นกันแล้วก็จะฮากันมากบางทีเล่นกันแรงๆ แล้ววันหนึ่งผมก็โดนเพื่อนเสียบก้น ตั้งใจมากที่จะแก้แค้นคืนแล้วชั่วโมงนั้นเป็นชั่วโมงพละเด็กผู้ชายเด็กผู้หญิงแต่งตัวเหมือนกันหมด ผมรอจนครูเค้าปล่อยลงมาที่โรงพละ เห็นเค้าลงมาซื้อน้ำพอดีเราก็แอบๆ ดูว่าใช่ ไอ้โซ้ยตี๋ แน่แล้วก็แอบไปเสียบก้นเค้า ปรากฏว่าเป็นเด็กผู้หญิงไม่ใช่ ไอ้โซ้ยตี๋ แล้วเค้าร้องแบบร้องลั่นเลย จำภาพได้เลยว่าเค้าร้องยังไง แล้วเราก็โดนตีและพักการเรียนไปสองวัน จำได้แม่นเลย ก็เอามาใส่ไว้ในหนัง และพอเอามาใส่มันก็โอเค สนุกสนานฮาดี มันก็ประทับใจทุกๆ ฉากที่ทำ ดูหนังเรื่องนี้มันจะเพลินๆ เรื่อยๆ ไม่มีอะไรที่น่าเบื่อ หนังเรื่องนี้รับรองน่าติดตามทุกฉากทุกตอน 

ฉากไฮไลต์ของเรื่อง

แน่นอนต้องเป็นฉากลีลาศ ซึ่งก็ไม่น่าจะเคยเห็นเด็กลีลาศอายุประมาณ 8 ปีที่เค้าทุ่มเทเล่นกัน ซึ่งอนาคตข้างหน้าเค้าน่าจะเป็นทีมชาติ อาจจะเข้าแข่งระดับโอลิมปิคถ้าเค้ามีการจัดลีลาศไว้ด้วย มันเป็นอะไรที่น่ารัก ไม่เคยเห็นหนังเรื่องไหนที่เค้าเอาเด็กมาเต้นลีลาศแบบผู้ใหญ่เลย ก็เลยอยากจะนำเสนอตรงนี้จริงๆ ถ่ายทำกันที่สนามกีฬาไทยญี่ปุ่น-ดินแดง เป็นฉากแข่งขันเต้นลีลาศระดับอาเซียน ฉากนี้ฉากเดียวก็ประมาณหลายล้านแล้ว ทั้งค่าเช่า ค่าตัวแสดง ต้องมาเต้นกันเกือบร้อยคู่ และคนที่เข้ามาดูบนอัฒจันทร์ก็เป็นพันคน ค่าข้าว ค่าไฟ ค่าโน่นนั่นนี่มากมาย แต่ก็ออกมาน่าประทับใจ

ความคาดหวังต่อเรื่องนี้

เรื่องนี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ผมทำผมตั้งใจทุกเรื่องอยู่แล้ว 100% ในการเขียนบทเอง กำกับเอง ผมเองก็หวังทุกเรื่องอยากให้ประสบความสำเร็จ ใครทำหนังแล้วไม่หวังว่าให้หนังประสบความสำเร็จมันเป็นไปไม่ได้ แต่ในเมื่อเรานำเสนอสิ่งหนึ่งให้กับคนดู คนดูอาจจะไม่ชอบใจหรือคนดูๆ แล้วไม่ถูกใจมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งของคนดู อันนี้เราก็ไม่สามารถไปทำอะไรได้ แต่ขอให้รู้ไว้เถอะว่าหนังของบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ทุกเรื่องก็ไม่ใช่หนังที่เสียหายอะไรในการที่จะดู และผมก็ไม่ได้คิดว่าจะทำแต่หนังเด็กอย่างเดียว หนังผู้ใหญ่ก็มี แต่ก็อยากจะนำเสนอหนังเด็กบ้างปีหนึ่งอาจจะมีหนังเด็กๆ ให้ดูบ้าง ก็หวังไว้ว่าน่าจะประสบความสำเร็จบ้างสักนิดก็ยังดี เอาว่าไม่ขาดทุน เอาว่าพออยู่ได้กำไรสักนิดก็โอเค คงไม่หวังกำไรเป็น 50-60 ล้านก็ไม่ได้หวังขนาดนั้น 

ความเป็นผู้กำกับฯ สไตล์บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์

การที่มาเป็นผู้กำกับฯ เพราะเราทำงานวงการนี้มาประมาณ 30 ปี สิ่งที่ได้มาคือประสบการณ์ สิ่งที่ได้มาคือครูพักลักจำ เป็นอะไรที่เราอยู่เบื้องหน้ามานานเยอะมากแล้ว เราก็อยากจะเอาประสบการณ์ของเราที่ได้รับมา มาอยู่เบื้องหลังดู สิ่งแรกที่เราอยากจะทำอยากจะนำเสนอ ไม่ใช่ว่าไม่มีความรู้ไม่ได้เรียนมา จริงแล้วคนสมัยก่อน ผู้กำกับฯดัง อย่าง คมน์ อรรฆเดช, ฉลอง ภักดีวิจิตร,  ไพรัช สังวริบุตร หรือใครก็แล้วแต่ที่รับรางวัลต่างๆ มาเค้าก็ไม่ได้เรียนมา สิ่งหนึ่งที่เค้ามีก็แค่ประสบการณ์ที่เค้าอยู่ในกองถ่าย บางคนอาจเป็นตากล้องมาก่อนเค้าก็จะรู้ว่าเค้าควรที่จะทำอะไรต่อไปยังไง ผมอยู่มา 30 ปี ผมก็คิดว่าผมน่าจะมีประสบการณ์พอที่สามารถจะถ่ายทอดความรู้ให้นักแสดงทำความรู้สึกกับหนังของเราและเรื่องของเราได้ ความจริงแล้วในความคิดผู้กำกับฯ ก็อยากให้หนังของตัวเองสักเรื่องดังขึ้นมาสักเรื่อง แล้วก็อาจจะเปลี่ยนตัวเองไปเป็นโปรดิวเซอร์ หรือเป็นอย่างอื่นไป เป็นผู้กำกับฯ จะเหนื่อย อย่างผมอนาคตอาจจะเป็นแค่ผู้อำนวยการสร้างอย่างเดียวแล้วจ้างผู้กำกับฯ มากำกับฯ ก็ได้ แต่เราก็ยังไม่ถึงเวลาก็รอให้ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดเสียก่อน ต้องนี้ผมก็กำกับฯหนังมาแล้ว 7 เรื่อง

เป็นผู้กำกับมันเหนื่อยตอนทำ มีความสุขตอนเห็นหนัง ท้อไหมก็ไม่ท้อเพราะถ้าท้อก็คงไม่ทำ ทุกคนทำงานก็ต้องเหนื่อยอยู่แล้วมันเป็นกฎธรรมดา แต่ถ้าทำงานออกมาแล้วไม่ดีเราจะรู้สึกเหนื่อยมากกว่าเดิม แต่ถ้าทำมาแล้วเหนื่อยแต่หนังออกมาแล้วผลงานคนชอบ คนโอเค มันก็หายเหนื่อยเราก็รู้สึกโล่งอกไป แต่ผมก็ไม่คิดหยุดแค่นี้เพราะอะไรที่มันสร้างสรรค์อะไรที่นำเสนอแล้วคนชอบมากกว่าเดิมตามก้าวตามสเต็ป ไม่ใช่ออกมาแล้วประสบความสำเร็จพอเรื่องที่สอง สามลดลง ก็ไม่ดี ผู้กำกับฯมันต้องเป็นไปตามสเต็ป  ถ้าประสบความสำเร็จแล้วก็ต้องคงไว้ซึ่งมาตรฐานที่เราทำ ไม่ใช่คิดว่าพอประสบความสำเร็จแล้วเรื่องต่อไปจะเป็นยังไงก็ได้

ตอนนี้ผมก็กำลังคิดหาสิ่งที่มันแปลกใหม่ คงเป็นอะไรที่น่าสนใจกับสังคม น่าสนใจของคนดูหนัง เพราะตอนนี้หนังไทยก็เริ่มที่จะตัน  ใครทำอะไรออกมาแล้วดังก็เฮทำตามกัน พอออกมาก็ไม่ประสบความสำเร็จ มันก็เสียความรู้สึกไป คือมันแค่อาจฟลุคสำหรับหนังเรื่องนั้นๆ อย่างบางคนมาทำตาม มันก็ไม่ประสบความสำเร็จ ผมเลยต้องหาสิ่งที่มันแปลกใหม่ สิ่งที่คิดว่าทำออกมาแล้วคนสนใจ 

ความน่าสนใจและจุดเด่นของเรื่อง

ก็เป็นความสามัคคีในโรงเรียน (นานาจิตตรงกัน) เค้าพร้อมที่จะต่อสู่ให้กับโรงเรียนฯ ให้ประสบความสำเร็จในเรื่องการแข่งลีลาศ นี่คือจุดเด่นของหนังเรื่องนี้ และเมื่อเราดูหนังเรื่องนี้แล้วจะรู้ว่า ถึงแม้จะไม่มีความหวัง มีความรู้สึกว่าสู้ไปก็แพ้ แต่เด็กพวกนี้ก็ขอให้มีกำลังใจที่สามารถทำให้เค้าเกิดความฮึกเหิม จนอาจทำให้เกิดปาฏิหาริย์กับตัวเค้า เค้าก็พร้อมที่จะต่อสู้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับชัยชนะก็ตาม แต่ก็ต้องทำให้ดีที่สุด

“กรรไกร ไข่ ผ้าไหม ” เป็นหนังที่ดูเพื่อความบันเทิงเริงรมย์ สบายใจ ดูกับครอบครัวดูได้ทุกเพศทุกวัย ตั๋วร้อยกว่าบาทก็ถือว่าช่วยบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ไป เพราะกำไรผมก็เอาไปช่วยเหลือคนอื่นเท่านั้นเองอย่าคิดอะไรมาก ผมก็บอกอยู่แล้วว่าใครอยากจะช่วยเหลือผมใครอยากจะสนับสนุนผม หรืออยากจะให้กำลังใจผมก็ไปดูหนังผมนะครับ ก็ไปดูหนังผมแล้วได้ความบันเทิงใจและก็ได้อีกสิ่งหนึ่งคือความสนุกสนานเฮฮาแล้วก็ได้ทำบุญกับผม ผมเองก็ไม่ได้เอาเงินไปไหนก็มาช่วยเหลือคนที่ยากจนก็ให้กำลังใจ ดูคนละสองรอบสามรอบก็ถือว่าให้กำลังใจผมๆ ก็จะทำหนังดีๆ อย่างนี้ต่อไปให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยที่รักหนังไทย

ประวัติผลงาน “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” 

ผลงานเด่น ๆ

รางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี  นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม

พ.ศ. 2529 – ตำรวจเหล็ก
พ.ศ. 2532 – รอยไถ

พ.ศ. 2543 – บางระจัน

รางวัลโทรทัศน์ทองคำ ดารานำชายดีเด่น
พ.ศ. 2531 – แผลเก่า

รางวัลเมขลา ผู้แสดงนำชายดีเด่น

พ.ศ. 2532 – คนเหนือดวง

ปัจจุบันสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทสาขาวิทยาการการจัดการจาก มหาวิทยาลัยราชภัฎธนบุรี และปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง

เป็นหัวหน้าอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูมานานกว่า 26 ปี

ผลงานกำกับฯ

• 2538    มนต์รักเพลงลูกทุ่ง

• 2545    ตำนานกระสือ

• 2546    ช้างเพื่อนแก้ว

• 2547    เดอะโกร๋น ก๊วนกวนผี

• 2554    ปัญญาเรณู

• 2555    ปัญญาเรณู 2

• 2556    ปัญญาเรณู 3 ตอนรูปูรูปี