กรุงเทพฯ ประเทศไทย – 1 กรกฏาคม 2557:  มร. ไมเคิล คลูเซล ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อีททิโก (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวฐานระบบปฏิบัติการแรกของโลกที่ช่วยเพิ่มโอกาสและผลกำไรให้แก่ร้านอาหารต่างๆ ในกรุงเทพฯผ่านทางการมอบส่วนลดตามแต่ละช่วงเวลาของวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่นิยม สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นนี้ได้ที่เว็บไซต์ www.eatigo.com และใช้งานได้ทั้งกับระบบปฏิบัติการของโทรศัพท์มือถือไอโฟน (iOS) และแอนดรอยด์

มร. คลูเซล กล่าวในงานแถลงข่าวเปิดตัวว่า “เป้าหมายของเราคือการช่วยเจ้าของและผู้บริหารร้านอาหารให้เชื่อมโยงผู้บริโภคที่กำลังมองหาร้านอาหารเข้ากับร้านอาหารที่มีโต๊ะว่างและพร้อมให้บริการ และนี่คือสาเหตุที่เราเลือกเปิดตัวแอพพลิเคชั่นนี้ในกรุงเทพฯ ซึ่งกิจกรรมยามว่างยอดนิยมของผู้คนในเมืองได้แก่การรับประทานอาหาร ทุกคนในกรุงเทพฯ ชอบรับประทานอาหาร ชื่นชอบประสบการณ์การลิ้มลองและส่วนลดต่างๆ”

แอพพลิเคชั่นที่ใช้งานง่ายนี้ ให้บริการจองโต๊ะพร้อมส่วนลดสูงสุดถึงร้อยละ 50 ในช่วงที่ไม่ใช่เวลาที่นิยมได้ทุกวัน ณ ร้านอาหารทุกแห่งที่เข้าร่วมโครงการ เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสรับประทานอาหารที่ร้านที่ตนชื่นชอบและได้มีโอกาสลิ้มลองอาหารตามร้านซึ่งปกติอาจไม่สามารถเข้าไปใช้บริการด้วยเหตุผลด้านราคา

แอพพลิเคชั่นของอีททิโกจะปฏิวัติวงการอาหารและเครื่องดื่มด้วยหลักการบริหารธุรกิจและผลตอบแทนที่ได้รับการทดสอบ และพิสูจน์แล้วจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการโรงแรม  ขณะนี้ร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการกับอีททิโกแล้วกว่า 100 แห่งในกรุงเทพฯ อาทิ ร้านอาหารเครปส์ แอนด์ โค  ร้านอาหารเอาท์แบ็ค เสต็กเฮ้าส์ ร้านอาหารเมดินี  ห้องอาหารเฟลเวอร์สที่โรงแรมเรอเนสซองส์ กรุงเทพฯ  ห้องอาหารปาร์ควิวที่โรงแรมอิมพีเรียล ควีนส์ปาร์ค  ห้องอาหารคาสเคดที่โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ ห้องอาหารเอสเปรสโซที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ และห้องอาหารวัวลาที่โรงแรมโซฟีเทล สุขุมวิท เป็นต้น

นายภูมินทร์ ยุวจรัสกุล ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีททิโก (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ด้วยพันธมิตรทางธุรกิจที่มีชื่อเสียง อาทิ ธนาคารกสิกรไทย ดีแทค และอีดีทีไกด์ดอทคอม พร้อมด้วยดาราคู่สามีภรรยา ชาคริต แย้มนาม และวิริฒิพา (วุ้นเส้น) ภักดีประสงค์ ในฐานะที่เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ให้กับเรา  เราคาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการในกรุงเทพฯ ได้อีกเป็นจำนวนมากในอีก 6 เดือนข้างหน้า  นอกจากนี้เรากำลังดำเนินการวางแผนที่จะขยายตลาดไปสู่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเซีย”