เพอร์ดิตา วีคส์
เบน เฟลด์แมน
เอ็ดวิน ฮ็อดจ์
ผู้ควบคุมงานสร้าง
อเล็กซ์ เฮดลันด์
อำนวยการสร้างโดย
โธมัส ธัลล์
จอน จาชนี
ดรูว์ ดาวเดิล
แพทริค ไอเอลโล
เขียนบทโดย
จอห์น อีริค ดาวเดิล และ ดรูว์ ดาวเดิล
กำกับโดย
จอห์น อีริค ดาวเดิล
ข้อมูลงานสร้าง
เส้นทางสุสานใต้ดินที่ลดเลี้ยวเคี้ยวคดใต้ท้องถนนของกรุงปารีส เป็นสถานที่หลับใหลชั่วนิรันดร์ของดวงวิญญาณนับไม่ถ้วน เมื่อทีมนักสำรวจได้หาญกล้าบุกเข้าไปในเขาวงกตกระดูกที่ไม่เคยมีใครย่างเท้าเข้าไปมาก่อน พวกเขาก็ได้ค้นพบความลับมืดดำที่ซ่อนอยู่ภายในนครแห่งความตายนี้ As Above/So Below โดยลีเจนดารี พิคเจอร์ส การเดินทางเข้าสู่ความบ้าคลั่งและความสยดสยอง ได้ล้วงลึกเข้าไปในจิตเบื้องลึกของมนุษย์ เพื่อเผยถึงอดีตมืดดำภายในจิตใจที่ตามหลอกหลอนพวกเราทุกคน
สการ์เล็ตต์ มาร์โลว์ (เพอร์ดิตา วีคส์จาก The Invisible Woman) นักผจญภัยหัวรั้นและนักโบราณคดีที่ชาญฉลาด ได้อุทิศทั้งชีวิตของเธอให้กับการตามล่าสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งก็คือศิลาอาถรรพ์ของฟลาเมล ตำนานกล่าวขานไว้ว่าวัตถุลึกลับชิ้นนี้สามารถเปลี่ยนโลหะให้เป็นทองคำได้และสามารถเนรมิตชีวิตอมตะได้ มันมีพลังเกินกว่าใครจะสามารถจินตนาการได้
ความทุกข์ทรมานจากการฆ่าตัวตายของพ่อเธอและข่าวลือเรื่องการเสียสติของเขาเป็นแรงผลักดันให้สการ์เล็ตต์กลายเป็นคนหมกมุ่น โดยที่เธอจะรู้สึกเหมือนชีวิตตัวเองไม่สมบูรณ์จนกว่าเธอจะสานต่องานของเขาจนเสร็จสิ้น
ปริศนาลึกลับชิ้นแล้วชิ้นเล่านำเธอไปสู่การค้นพบว่าหินล้ำค่านั้นหลับใหลอยู่ใต้ท้องถนนของกรุงปารีส ซ่อนอยู่ภายใต้สุสานใต้ดิน ซึ่งเป็นสุสานที่ใหญ่ที่สุดของโลก
ในการบันทึกภารกิจสำคัญนี้ของเธอ สการ์เล็ตต์ได้เรียกใช้งานจอร์จ (เบน เฟลด์แมนจากซีรีส์ Mad Men) แฟนเก่าและคู่หูตัวแสบของเธอ ที่เป็นนักโบราณคดีชื่อดังเหมือนกัน โดยเขาเป็นผู้ที่มุ่งมั่นกับการบูรณะโบราณสถานให้กลับมางดงามเช่นเดิม รวมถึงช่างภาพสมัครเล่น เบนจี้ (เอ็ดวิน ฮ็อดจ์จากแฟรนไชส์ The Purge) ช่างภาพผู้กลัวที่แคบ ที่ไม่รู้ตัวเลยว่าการเดินทางนี้จะพาเขาลึกลงไปใต้ดินขนาดไหน
ทั้งสามที่ตระหนักดีถึงอันตรายที่ซ่อนอยู่เบื้องล่าง ได้เสาะหาไปทั่วนครแห่งแสง เพื่อเลือกทีมผู้เชี่ยวชาญใต้พิภพ ที่เป็นที่รู้จักในนามของ กาตาฟิล มานำทางพวกเขา
เมื่อทีมงานที่เหลือของสการ์เล็ตต์ ที่ประกอบไปด้วยปาปิยอง (ฟรังซัวส์ ซีวิลจาก Frank) ผู้นำกลุ่ม, ซูซี (นักแสดงหน้าใหม่ มาเรียน แลมเบิร์ต) สาวพังค์ร็อคผู้คุ้มครองกลุ่ม และเซ็ด (อาลี มาร์ยาร์ จาก Zero Dark Thirty) ชายหนุ่มผู้เงียบขรึมและเข้มแข็ง ได้มารวมตัวกัน พวกเขาก็เริ่มลงใต้ดิน แม้ว่าพวกเขาแต่ละคนจะเก็บงำความลับเอาไว้ แต่ในสุสานใต้ดิน ไม่มีใครสามารถหนีจากอดีตของตัวเองได้
ทีมงานที่กระหายความตื่นเต้นไม่มีทางรู้ได้เลยว่า ในตอนที่พวกเขาดำดิ่งลึกลงไปเรื่อยๆ พวกเขาจะถูกตามหลอนด้วยอดีตของตัวเอง และในตอนที่พวกเขาเดินวนเวียนผ่านเขาวงกตที่น่าสยดสยอง พวกเขาก็ดำดิ่งลึกลงไปในนรกในใจของตัวเองด้วยเช่นกัน
โอกาสรอดเพียงหนึ่งเดียวขึ้นอยู่กับพลังลึกลับของศิลาอาถรรพ์ และการค้นหาความหมายที่แท้จริงของหลักความจริงที่ว่า “เบื้องบนก็เป็นเช่นเบื้องล่าง”
As Above/So Below การผจญภัยสุดระทึกที่ถ่ายทำด้วยสไตล์เคลื่อนที่ด้วยกล้องแฮนด์เฮลด์และกล้องพานาโซนิคที่ตั้งอยู่บนศีรษะ ได้ผสมผสานปริศนาจริงๆ ของอดีตกาลเข้ากับเรื่องราวร่วมสมัยในการสำรวจเมืองของหนุ่มสาว เพื่อนำเสนอเรื่องราวความสยดสยองทางจิตวิทยา ที่ถูกขับดันจากตัวละคร
As Above/So Below ถูกเนรมิตสู่หน้าจอโดยสองพี่น้องเบื้องหลังทริลเลอร์สยองขวัญร่วมสมัย Devil และ Quarantine และ The Poughkeepsie Tapes หนึ่งในภาพยนตร์สไตล์ฟุตเตจที่ถูกพบที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ มือเขียนบท/ผู้กำกับ จอห์น อีริค ดาวเดิลและมือเขียนบท/ผู้อำนวยการสร้าง ดรูว์ ดาวเดิล พวกเขาได้ถ่ายทำในพื้นที่หวงห้ามของสุสานใต้ดิน ซึ่งนับว่าเป็นกองถ่ายภาพยนตร์เรื่องแรกที่ได้รับอนุญาตเช่นนั้น เป็นการเสริมสร้างความรู้สึกน่าอึดอัดและความเก่าแก่ตามประวัติศาสตร์ให้กับเรื่องราวที่นำเสนอปริศนาด้านโบราณคดีที่มีอยู่จริง
ทีมงานเบื้องหลังของทริลเลอร์ฝีมือพี่น้องดาวเดิลได้แก่ผู้อำนวยการสร้าง โธมัส ทัลล์ (Pacific Rim, Godzilla), จอน จาชนี (Godzilla, Blackhat) และแพทริค ไอเอลโล (Dark Country, The Double)
พวกเขาได้ร่วมงานกับทีมงานคนสำคัญ ซึ่งรวมถึงผู้กำกับภาพลีโอ ฮินสติน (Opium, L’amour fou), ผู้ออกแบบงานสร้าง หลุยส์ มาร์ซาโรลี (Hideous Kinky, Chocolat), มือลำดับภาพ เอลเลียต กรีนเบิร์ก (Devil, Quarantine), ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย แอนนี บลูม (The Poughkeepsie Tapes, How to Make Love to a Woman) และผู้ประพันธ์ดนตรี คีฟัส เซียนเซีย (The Poughkeepsie Tapes, Diana)
อเล็กซ์ เฮดลันด์ (Brilliance) รับหน้าที่ผู้ควบคุมงานสร้าง
เกี่ยวกับงานสร้าง
อาณาจักรแห่งความตาย:
ประวัติศาสตร์สั้นๆ ของสุสานใต้ดิน
น่าทึ่งที่ว่าศพถูกฝังอยู่ใต้ท้องถนนของกรุงปารีสมีจำนวนมากกว่าคนที่ใช้ชีวิตอยู่เบื้องบนเสียอีก มันเป็นเขาวงกตซากกระดูก อุโมงค์ที่น่าอึดอัด และเต็มไปด้วยความมืดมิดอนธกาลที่ดูราวกับจะไร้ที่สิ้นสุด
สุสานใต้ดินแห่งกรุงปารีสท้าทายสิ่งที่มนุษย์กลัวตามธรรมชาติ ทั้งความกลัวความมืด ความกลัวการอยู่ตามลำพัง ความกลัวที่แคบๆ และความกลัวการถูกกักขัง ระบบอุโมงค์ที่แทบไม่ได้รับการสำรวจเป็นที่สนใจของนักประวัติศาสตร์ นักสำรวจและนักเล่าเรื่องมานานหลายศตวรรษ ด้วยคำถามอมตะที่ว่า สมบัติและความน่าสะพรึงกลัวใดที่ซ่อนอยู่ภายในนั้น?
ลึกลงไปใต้ดินเกือบห้าชั้นเป็นที่ฝังศพกว่าหกล้านร่าง ซึ่งมากเป็นสองเท่าของประชากรในกรุงปารีส ศพทั้งหกล้านร่างถูกฝังในสุสานใต้ดินแห่งกรุงปารีสมาเนิ่นนาน ในตอนที่ผู้มาเยือนก้าวเข้าไปในสุสานใต้ดิน พวกเขาก็จะได้พบกับถ้อยคำที่สลักไว้ว่า “Arrête! C’est ici l’empire de la mort” ซึ่งหมายถึง “หยุด! นี่คืออาณาจักรแห่งความตาย”
นักประวัติศาสตร์เชื่อว่าสุสานใต้ดินแห่งนี้เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงระหว่างประวัติศาสตร์ของปารีส และวิวัฒนาการทางธรณีวิทยาของโลกของเรา มีการรายงานว่า 45 ล้านปีที่ผ่านมา ปารีสถูกปกคลุมไปด้วยท้องทะเล ซึ่งทำให้ตะกอนรวมตัวและก่อกำเนิดเป็นหินปูนที่เห็นอยู่ในสุสานใต้ดินในปัจจุบันนี้
ตั้งแต่ในศตวรรษที่ 17 ในตอนที่กรุงปารีสขยายตัวอย่างรวดเร็ว สุสานเริ่มขาดแคลนที่ว่างในการฝังศพ ในความเป็นจริงแล้ว สุสานเหล่านั้นแน่นขนัดจนดินกลบศพไม่มิด และดูราวกับลุกขึ้นมาจากหลุมศพ เป็นเวลาหลายปีที่ชาวเล อาลเล ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใกล้กับสุสาน เลอ แซงโนซ็อง สุสานที่ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดของปารีส ได้รายงานถึงกลิ่นเหม็นจากซากศพที่เน่าเปื่อย
อย่างไรก็ดี พวกเขาต้องรอจนกระทั่งปี 1780 ถึงจะมีการจัดการอะไรจริงๆ จังๆ เกี่ยวกับปัญหาสุขอนามัยนี้ หลังจากฝนตกอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ผนังของสุสานเลอ แซงโนซ็อองก็พังถล่มลงมา ทำให้ศพที่กำลังเน่าเปื่อยร่วงลงไปในย่านชุมชน เหตุการณ์ที่ทำให้พระเจ้าหลุยส์ที่สิบหกสนับสนุนการเคลื่อนย้ายศพเหล่านี้เข้าไปยังเหมืองเก่าของปารีส พวกเขาใช้เวลา 12 ปีในการเคลื่อนย้ายศพหกล้านร่าง ซึ่งบางร่างเก่าแก่กว่า 1,200 ปี เข้าไปยังสุสานใต้ดิน[1] จริงๆ แล้วการปฏิวัติฝรั่งเศสเป็นสัญญาณการเริ่มต้นฝังร่างในสุสานใต้ดินโดยตรง แม้ว่าวิถีปฏิบัตินี้จะยุติลงในปี 1860 ก็ตาม
แม้ว่าเส้นทางเขาวงกตและอุโมงค์ของสุสานใต้ดินแห่งนี้จะครอบคลุมพื้นที่ถึง 180 ไมล์ใต้ท้องถนนของกรุงปารีส มีเพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้น (ประมาณหนึ่งไมล์) ที่เปิดให้สาธารณชมเข้าเยี่ยมชม ขณะที่พื้นที่ส่วนใหญ่ถูกปิดเนื่องด้วยอันตรายเกินไป…แต่สำหรับนักสำรวจบางคน นั่นคือเสน่ห์เย้ายวนใจอย่างหนึ่ง
คงเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่ามีที่ไหนที่ใกล้ชิดกับนรกมากไปกว่านครแห่งความตายนี้อีกแล้ว สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่หวงห้ามจนทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ไม่มีการถูกสำรวจ จนกระทั่งบัดนี้…
ความลับสุดลึกล้ำ:
As Above/So Below เริ่มต้นขึ้น
ผู้อำนวยการสร้างโธมัส ทัลล์และจอน จาชนี ผู้สร้างลีเจนดารี พิคเจอร์ส ขึ้นมาจากรากฐานของการสร้างโลกที่ลึกลับและสมจริงขึ้นมา ได้สร้างผลงานภาพยนตร์ที่ชาญฉลาดและซับซ้อน ที่สามารถยกระดับแนวภาพยนตร์ขึ้นมาได้อย่างต่อเนื่อง As Above/So Below ภาพยนตร์ทุนต่ำ ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่พวกเขาได้ทำข้อตกลงจัดจำหน่ายกับยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส เป็นการหวนคืนสู่กระแสหลักที่น่ายินดี
ทีมผู้สร้าง ได้ร่วมมือกับผู้อำนวยการแพทริค ไอเอลโล ผู้ซึ่งล่าสุดได้อำนวยการสร้างภาพยนตร์โดยริชาร์ด เกียร์ในปี 2011 เรื่อง The Double ในการเนรมิตชีวิตให้กับทริลเลอร์ที่น่าสะพรึงกลัวเรื่องนี้ ร่วมกับสองพี่น้อง จอห์น อีริค ดาวเดิลและดรูว์ ดาวเดิล ผู้เริ่มมีชื่อเสียงจากภาพยนตร์สไตล์ฟุตเตจที่ถูกค้นพบในปี 2007 เรื่อง The Poughkeepsie Tapes
ทัลล์ ซีอีโอของลีเจนดารี ได้สาธยายถึงกระบวนการตัดสินใจของทีมงานเขาในการเลือกทีมผู้สร้างที่เหมาะสมว่า “กับดรูว์และจอห์น เราพบเพื่อนร่วมงานชั้นเยี่ยมที่สนใจในพัฒนาการตัวละครเป็นอันดับแรก ผลงานของพวกเขาแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่สนใจจะสร้างหนังที่ทำให้คนดูตกใจเพียงเท่านั้น แต่พวกเขาหลงใหลในสิ่งที่ทำให้ตัวละครมีปฏิกิริยาและเหตุผลเบื้องหลังที่ทำให้พวกเขาประพฤติปฏิบัติอย่างนั้นระหว่างการผจญภัย..และสิ่งที่เราในฐานะผู้ชมสามารถเรียนรู้ได้เกี่ยวกับตัวเราเองขณะที่เราได้ร่วมเดินทางไปกับพวกเขาน่ะครับ”
สองพี่น้องดาวเดิล นักเล่าเรื่องมากประสบการณ์ในแนวสยองขวัญ เคยสร้างความหวาดผวาให้กับผู้ชมมาแล้วด้วย Quarantine ที่สั่นประสาทในปี 2008 และ Devil ในปี 2010 ซึ่งผู้กำกับบล็อกบัสเตอร์ เอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน ได้เลือกพวกเขาให้ทำหน้าที่กำกับและอำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว พวกเขายอมรับว่าพวกเขาสนใจในการปลุกเร้าความน่าสะพรึงกลัวผ่านทางการถ่ายทำในสถานที่คับแคบ และพบว่าผู้ชมตอบรับอย่างดีกับความหวาดกลัวแบบนี้ที่ผสมผสานความจริงกับความจริงคู่ขนานเข้าด้วยกัน
ผู้กำกับจอห์น อีริค ดาวเดิล พูดถึงความสนใจและกระบวนการของเขาและน้องชายของเขาในการสร้างภาพยนตร์ที่มีรากฐานจากตัวละครอย่างลึกซึ้ง “วิกฤติการณ์คือสิ่งที่เชื่อมโยงหนังทุกเรื่องของเราเข้าด้วยกัน มีบางสิ่งเกี่ยวกับความเข้มข้นของวิกฤติการณ์ที่ทำให้หนังเรื่องนั้นๆ เป็นเรื่องสนุกสำหรับเรา เราพยายามทำให้หนังทุกเรื่องของเรามีตัวละครเป็นแรงขับเคลื่อน เป็นคนที่คุณรักอย่างแท้จริง ดังนั้น เมื่อเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา คุณก็จะเห็นอกเห็นใจพวกเขาครับ”
พี่น้องดาวเดิลพบว่าสิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือการนำเสนอเรื่องน่าสะพรึงกลัวที่เข้าถึงความรู้สึกว่าจะสู้หรือจะหนี เมื่อการหนีไม่ใช่ทางเลือก และประตูถูกปิดลงไม่ว่าจะจริงๆ หรือเชิงเปรียบเทียบ ตัวละครในภาพยนตร์ของพวกเขาก็ถูกบีบบังคับให้ต้องเผชิญหน้ากับความกลัว เช่นเดียวกัน ในการนำพาเราดำดิ่งลงไปสู่จิตใต้สำนึกและสร้างโลกของฝันร้ายขึ้นมา พวกเขาก็สามารถล้วงลึกเข้าไปในความกลัวที่ฝังลึกที่สุดในใจของเราได้
ในการจับมือกับเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ พวกเขาได้อาศัยข้อมูลจากโลกแห่งความเป็นจริง ตามที่ได้แรงบันดาลใจจากตำนานและเรื่องเล่าที่มีมานานหลายร้อยปี ผู้กำกับเล่าว่าเขาและน้องชายของเขาหล่อเลี้ยงไอเดียในการนำเสนอตัวละครชื่อสการ์เล็ตต์ มาร์โลว์ ที่เป็นเหมือนอินเดียนา โจนส์ยุคใหม่ และสร้างเรื่องราวที่ห้อมล้อมตัวเธอเองขึ้นมา ในตอนที่เขาได้รับโทรศัพท์จากทัลล์เกี่ยวกับการสร้างหนังที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นในสุสานใต้ดินของปารีส ทุกอย่างก็คลิกสำหรับสองพี่น้องและพวกเขาก็เริ่มลงมือเขียนบท
ดรูว์ ดาวเดิลพูดถึงการร่วมมือครั้งนี้ว่า “เป็นเรื่องเยี่ยมที่ได้ร่วมงานกับลีเจนดารี ที่ซึ่งพวกเขาเปิดกว้างต่อการทำในสิ่งที่แปลกต่างออกไปมากๆ รวมถึงการแหกกฎบางอย่าง และการไม่อธิบายทุกอย่าง และปล่อยให้ผู้คนสรุปเรื่องตามความคิดตัวเองด้วยครับ”
ผู้อำนวยการสร้างจาชนีชื่นชมที่ทั้งสองพี่น้องยังคอยตอบสนองต่อกระบวนการของสตูดิโอ “โธมัสกับผมต่างก็มุ่งมั่นต่อการสนับสนุนทีมงานของเราในการสร้างหนังในแบบที่พวกเขาอยากให้เป็นเวอร์ชันที่ดีที่สุดของตัวเขาเอง อีกครั้งหนึ่งที่จอห์นและดรูว์ได้แสดงให้เห็นว่าพวกเขารู้ว่าจะนำทีมยังไง เพื่อให้ไปถึงประตูนรกและรอดกลับมาได้ เราประทับใจอย่างมากกับสิ่งที่พวกเขาทำสำเร็จและตั้งใจว่าจะร่วมงานกับพวกเขาอีกครับ”
ในตอนที่พวกเขาค้นคว้าประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของสุสานใต้ดินเพื่อสร้างการผจญภัยใต้ดินของสการ์เล็ตต์ พวกเขาก็ค้นพบว่า มีตำนานเล่าขานว่า นิโคลัส ฟลาเมล นักแปรธาตุชาวฝรั่งเศสที่มีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ 14 ได้ค้นพบศิลาอาถรรพ์ ซึ่งเป็นกุญแจนำไปสู่ชีวิตอมตะ เงื่อนงำลึกลับนำหลุมศพของฟลาเมลไปเป็นใจกลางของสุสานใต้ดิน ที่ซึ่งมีเพียงผู้ที่หาญกล้าที่สุดเท่านั้นที่จะพบสมบัติล้ำค่าที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
โบราณวัตถุในตำนานนี้เป็นที่เล่าขานมาตั้งแต่เริ่มต้นประวัติศาสตร์ โดยว่ากันว่าหินก้อนนี้สามารถเปลี่ยนโลหะให้กลายเป็นทองคำและทำให้ผู้ครอบครองเป็นอมตะได้ สมบัติเปลี่ยนชีวิตชิ้นนี้เป็นสมบัติล้ำค่าที่บางคนยอมเสี่ยงตายเพื่อให้ได้มันมา นั่นเป็นฉากสำหรับการสำรวจเรื่องราวของสการ์เล็ตต์ นางเอกของพวกเขา และเรื่องเล่าที่เหลือเชื่อของเธอเกี่ยวกับการเสียสละและการไถ่บาปของครอบครัวเธอ
ในตอนที่พวกเขาสร้างแรงจูงใจให้กับการผจญภัยของสการ์เล็ตต์ สองพี่น้องก็หลงใหลการล้วงลึกเข้าไปในวัฒนธรรมของนักสำรวจใต้พิภพ…และนักสำรวจผู้กล้าแห่งสุสานใต้ดินของปารีส พวกเขาได้เรียนรู้ว่าในช่วงไม่กี่ปีมานี้ การสำรวจซากปรักหักพังและสิ่งปลูกสร้างที่ถูกทิ้งร้าง กลายเป็นสิ่งที่วัยรุ่นนิยมไปทั่วโลก และมันก็ยิ่งมาแรงขึ้นไปอีกด้วยโซเชียล มีเดีย
สำหรับผู้กระหายความตื่นเต้นเหล่านี้ สุสานใต้ดินในกรุงปารีสถูกมองว่าเป็นจอกศักดิ์สิทธิ์ ที่ผลักดันเหล่าผู้กล้าให้ก้าวพ้นขีดจำกัดของตัวเอง นักสำรวจโลกใต้พิภพ ผู้เรียกตัวเองว่า กาตาฟิล ได้สำรวจอุโมงค์ที่ไร้ที่สิ้นสุดเหล่านี้อย่างผิดกฎหมาย พวกเขามีอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่ถูกถ่ายทอดออกมาทางดนตรี ศิลปะตามท้องถนน เสื้อผ้าและไนท์คลับผิดกฎหมาย
ในการผสมผสานการผจญภัยของสการ์เล็ตต์เพื่อตามหาสมบัติของฟลาเมลกับความช่วยเหลือจากทีมกาตาฟิล ผู้ซึ่งสมาชิกแต่ละคนมีแรงจูงใจของตัวเองในการร่วมเดินทางครั้งนี้ สองพี่น้องดาวเดิลรู้ดีว่าพวกเขาสามารถนำผู้ชมเข้าสู่โลกสุดเซอร์เรียล ที่เหมือนหลุดออกมาจาก “นรก” ตามบทประพันธ์ของดันเต้ได้ บทกวีอมตะของนักกวีผู้นี้ บวกกับภาพวาดที่สั่นคลอนจิตใจของกุสตาฟ โดเร เป็นอิทธิพลสำหรับภาพน่าสยดสยองของสุสานใต้ดิน บาปแต่ละชนิดนำมาซึ่งผลตอบแทนสาสม ราวกับนรกส่วนตัวของคนๆ นั้น
สองพี่น้องดาวเดิลตัดสินใจว่าเป็นการดีที่ที่สุดที่พวกเขาจะตั้งชื่อภาพยนตร์ของพวกเขาว่า As Above/So Below หลักคำสอนที่มืดหม่น ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้ มีที่มาจากความเชื่อโบราณที่ว่า ทางเดียวที่จะสู้กับความน่าสะพรึงกลัวรอบด้านคุณคือการเผชิญหน้ากับความน่าสะพรึงกลัวภายในใจเราเสียก่อน
ก้าวย่างสู่ความบ้าคลั่ง:
การเลือกนักแสดงสำหรับทริลเลอร์เรื่องนี้
ทีมนักแสดงหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้ประกอบไปด้วยตัวละครหกตัวที่ถูกความกลัวเบื้องลึกของพวกเขากักขังไว้ภายในสุสานใต้ดิน ที่อยู่ลึกลงไปถึง 220 ฟุต สำหรับพี่น้องดาวเดิล เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องหานักแสดงที่เหมาะสมต่อการสร้างเรื่องราวที่พวกเขาต้องการจะบอกเล่า…และการทำให้นักแสดงเชื่อใจพวกเขาสำหรับกระบวนการทำงานที่ไม่ธรรมดา
ไม่ว่าจะเป็นการขอให้พวกเขาสวมหมวกที่ติดไฟฉาย เพื่อใช้เป็นแหล่งที่มาของแสงสว่างหลักในฉากนั้น หรือการมองข้ามการเดินให้ตรงจุดที่กำหนดเอาไว้ รวมถึงการทำงานด้วยเทคนิคทดลองและช็อตที่อาศัยปฏิกิริยาโต้ตอบเท่านั้น ทีมงานทุกคนต่างก็พร้อมเต็มที่ ดรูว์ ดาวเดิลกล่าวชื่นชมนักแสดงของเรื่องว่า “โชคดีที่เรามีอิสระในการเลือกนักแสดงที่ดีที่สุดสำหรับแต่ละบท การคัดเลือกนักแสดงเป็นเรื่องสำคัญมากในหนังพวกนี้ และเราก็เลือกอย่างรอบคอบ ซึ่งโชคดีที่พวกเขาทุกคนดียิ่งกว่าที่โฆษณาเอาไว้อีกครับ”
“เราตั้งใจจะทำให้หนังเรื่องนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวสำหรับตัวละครแต่ละตัว” มือเขียนบท/ผู้อำนวยการสร้างกล่าวต่อ “ในการทำเช่นนั้น เราก็อยากให้ผู้ชมมีประสบการณ์นั้นเหมือนกัน เราไม่รู้สึกว่าเราจำเป็นจะต้องเจาะลึกรายละเอียดเกี่ยวกับอดีตและที่มาที่ไปของตัวละครมากมายอะไร บางครั้ง มันก็เป็นแค่ภาพภาพเดียว และจากภาพนั้น คุณก็สามารถอนุมานเอาได้ว่าพวกเขาซ่อนเรื่องอะไรไว้ในใจน่ะครับ”
ทีมผู้สร้างเริ่มต้นด้วยการเลือกนักแสดงสำหรับบท สการ์เล็ตต์ นักโบราณคดีชาวอังกฤษ ผู้แสวงหาความตื่นเต้น และถูกผลักดันจากการเสียชีวิตของพ่อของเธอ เธอไม่อาจหยุดการค้นหานี้ได้จนกว่าเธอจะพิสูจน์ได้ว่าเขาไม่ได้บ้า ดรูว์ ดาวเดิลเล่าให้เราฟังถึงความเชื่อมโยงของสการ์เล็ตต์และโลกใบนี้ว่า “เราสร้างแบ็คกราวน์นักแปรธาตุให้กับสการ์เล็ตต์ ด้วยการที่พ่อของเธอเป็นนักแปรธาตุที่โด่งดังระดับโลก และบิดาแห่งการแปรธาตุจริงๆ คือนิโคลัส ฟลาเมล ผู้ถูกฝังอยู่ในหนึ่งในสุสานแห่งแรกๆ ในปารีส ที่ถูกย้ายไปฝังอยู่ในสุสานใต้ดินน่ะครับ”
ตามสไตล์การสร้างตัวละครที่อบอุ่นและมีจิตใจเอื้ออาทร แต่ก็ยังคงมีข้อบกพร่อง สองพี่น้องดาวเดิลมองหาหญิงสาวที่จะสามารถสวมบทนักโบราณคดีผู้รักการผจญภัย และมีเป้าหมายในใจชัดเจนได้ แต่ก็เป็นหญิงสาวที่สามารถนำความเป็นมนุษย์มาสู่ตัวละครที่แกร่งขึ้นจากการสูญเสียครอบครัวได้ด้วยเช่นกัน
เมื่อบทเรียบร้อยแล้ว มีนักแสดงหญิงประมาณ 300 คนเข้ารับการทดสอบสำหรับบทนี้ พวกเขาได้ไปค้นหานักแสดงที่ลอสแองเจลิส ปารีสและลอนดอน…และท้ายที่สุด พวกเขาก็ได้พบกับ เพอร์ดิตา วีคส์ นักแสดงหญิงชาวเวลช์ หลังจากได้พบกับวีคส์ พวกเขาก็รู้สึกได้ชัดเจนว่าเธอคือนักแสดงนำของพวกเขา จอห์นและดรูว์ไม่รู้เลยว่าวีคส์ได้ส่งเทปออดิชันมาสองครั้ง ครั้งหนึ่งในแบบผมบลอนด์และอีกครั้งในแบบบรูเน็ตต์ จอห์นไปหาดรูว์และบอกว่าเขาพบสการ์เล็ตต์ของพวกเขาแล้ว และเธอก็มีผมบลอนด์ ในขณะที่ดรูว์ก็บอกว่าเขาพบเธอแล้วเหมือนกัน และเธอก็มีผมสีน้ำตาล กลายเป็นว่าพวกเขากำลังพูดถึงผู้หญิงคนเดียวกันอยู่
จอห์น อีริค ดาวเดิลเล่าว่า “สำหรับบทสการ์เล็ตต์ เราอยากได้คนที่ไม่เพียงแต่จะเป็นคนที่คุณยินดีร่วมเดินทางไปด้วย แต่ยังเป็นคนที่คุณเชื่อว่าฉลาดจนถึงขั้นเป็นอัจฉริยะ…แต่ก็ตลกด้วย เพอร์ดิตาเป็นคนที่เรารู้สึกว่ามีความลึกซึ้งพอที่จะรับทนี้ได้ครับ”
วีคส์รู้ว่าการแสดงบทสการ์เล็ตต์จะไม่ใช่เรื่องง่าย เธอเล่าว่า “สการ์เล็ตต์เป็นบทที่ยอดเยี่ยม เพราะเธอต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงอย่างมากในหนังเรื่องนี้ ทั้งในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับตัวละครตัวอื่นๆ ในการเดินทางที่ทำให้เธอค้นพบตัวเองอย่างไม่ได้ตั้งใจ แรงผลักดันเธอคือความเชื่อมั่นในความเชื่อของพ่อเธอและการศึกษาเรื่องการแปรธาตุและศิลาอาถรรพ์ เธอเป็นคนเข้มแข็ง มองแต่เรื่องตัวเอง และอาจจะชอบบงการคนอื่นด้วยซ้ำไป แต่ท้ายที่สุดแล้ว เธอก็เป็นคนที่น่ารัก และระหว่างเรื่องราวนี้ เราก็ได้เห็นเธอเผยตัวตนออกมา ซึ่งเป็นอะไรที่น่าสนใจค่ะ”
วีคส์รู้ว่าคนจะต้องตั้งความหวังกับเธอไว้มากระหว่างการถ่ายทำ ไม่เพียงแต่เธอจะต้องนั่งเมคอัพนานหลายชั่วโมงเท่านั้น แต่เธอยังจะต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ของการถ่ายทำไปกับการลุยโคลนอีกด้วย เธอบอกว่า “นี่เป็นบทที่ท้าทายที่สุดในเขิงกายภาพเท่าที่ฉันเคยเจอมา ตั้งแต่การวิ่งโดยมีกล้องและแพ็คแบตเตอรีหนักอึ้งบนหัว ไปจนถึงการหย่อนตัวลงมาและการคลานผ่านอุโมงค์ด้วยมือและเข่าที่ฟกช้ำ โดยที่เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดและเศษหินดินทราย…มันทั้งเหนื่อยและน่าตื่นเต้นพอๆ กันค่ะ นอกจากนี้ ฉันยังมีสตันท์ ดับเบิลที่ยอดเยี่ยมอย่างเอมิลี ริชาร์ด ที่มาแสดงแทนฉันในตอนที่สถานการณ์เสี่ยงเกินไป และบางครั้ง ก็ทำให้สการ์เล็ตต์สามารถถ่ายทำสองฉากได้พร้อมๆ กันด้วยค่ะ”
ด้วยความที่นักแสดงใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในอุโมงค์ของสุสานใต้ดิน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่การคัดเลือกนักแสดงสำหรับแต่ละบทจะเป็นเหมือนการต่อชิ้นส่วนปริศนา ด้วยความไม่พอใจกับแบบฉบับของตัวละครในภาพยนตร์สยองขวัญทั่วๆ ไป สองพี่น้องดาวเดิลจึงเดินหน้าค้นหานักแสดงสมทบของพวกเขาต่อไป
หลังจากได้ตัววีคส์แล้ว ทีมผู้สร้างก็เลือกเบน เฟลด์แมน มารับบท จอร์จ นักโบราณคดีผู้เชี่ยวชาญภาษาอาหรับ และทุ่มเทเวลาให้กับการซ่อมแซมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ (และหวงห้าม) จอร์จทุกข์ใจกับความรักที่ไม่สมหวังและสุสานใต้ดินก็ปลุกความทรงจำที่มืดหม่นที่สุดและความไม่มั่นใจที่หยั่งรากลึกที่สุดของเขา เดิมทีจอร์จลังเลกับการร่วมผจญภัยใต้ดินครั้งนี้ แต่เขาก็ถูกสการ์เล็ตต์เกลี้ยกล่อมว่าเธอต้องการให้เขาแปลตัวอักษรโบราณที่สลักอยู่ที่ผนังของสุสานใต้ดิน
เฟลด์แมนตกหลุมรักบทภาพยนตร์เรื่องนี้ตั้งแต่อ่านครั้งแรก เขายอมรับว่าเขามีนิสัยหลายๆ อย่างคล้ายกับตัวละครของเขา “เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณสวมบทตัวละครตัวหนึ่งๆ คุณก็จะต้องหาสิ่งที่พวกคุณมีคล้ายกัน ในกรณีนี้ มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับผม เพราะเขาเป็นพวกเข้าสังคมไม่ค่อยเก่ง และผมก็มองตัวเองว่าเป็นแบบนั้นเหมือนกัน ความกระหายความรู้และความต้องการที่จะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นของจอร์จก็เป็นนิสัยที่เรามีเหมือนๆ กันครับ”
นักแสดงหนุ่มผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงไพรม์ไทม์ เอ็มมี อวอร์ดเองก็มีความทรงจำของการตะลุยโคลนและสิ่งสกปรกโสโครก เช่นเดียวกับวีคส์ เขากล่าวกลั้วหัวเราะว่า “มันไม่ใช่สิ่งที่สะดวกสบายที่สุดในโลกหรอกครับ เราต้องลงไปในถ้ำโบราณ ที่ล้อมรอบไปด้วยแมงมุม กระดูกและหินโบราณ มันทั้งงดงาม น่ากลัว แปลกและเจ๋งในขณะเดียวกันครับ”
จอห์น อีริค ดาวเดิล ชื่นชมความจริงที่ว่า เฟลด์แมนเป็นหนึ่งในนักแสดงที่พร้อมจะยอมให้มือตัวเองสกปรกในเวลาทำงาน เขากล่าวชื่นชมว่า “สำหรับจอร์จ เราอยากได้คนที่ตลก เป็นที่ชื่นชอบ และเป็นคนที่คุณเชื่อว่าฉลาดจริงๆ และเบนก็เป็นทั้งหมดนั้นครับ”
สำหรับบท เบนจี้ ช่างภาพ ช่างบันทึกสารคดีและเพื่อนร่วมก๊วน ที่กลัวที่แคบของสการ์เล็ตต์ ทีมผู้สร้างเลือกนักแสดงดาวรุ่ง เอ็ดวิน ฮ็อดจ์ ผู้คุ้นเคยกับภาพยนตร์แนวนี้เป็นอย่างดีจากการแสดง The Purge ทั้งสองภาค ฮ็อดจ์เล่าว่า “การถ่ายทำหนังเรื่องนี้ในสุสานใต้ดินจริงๆ เป็นประสบการณ์ที่เหลือเชื่อ เช่นเดียวกับเบนจี้ ผมก็รู้สึกอึดอัดอย่างเหลือเชื่อเมื่ออยู่ในที่แคบๆ แต่นี่เป็นโอกาสสุดเจ๋งที่ผมไม่สามารถปล่อยให้หลุดลอยไปได้ การทำงานในหนังเรื่องนี้คุ้มค่ากับการเอาชนะความกลัวของผมเองครับ”
ในการผจญภัยเพื่อตามหาศิลาอาถรรพ์ เธอได้ตามหาตัวกาตาฟิลผู้โด่งดังที่มีชื่อว่า ปาปิยอง ผู้เชี่ยวชาญการนำทางใต้พิภพ ทีมผู้สร้างเลือกนักแสดงชาวฝรั่งเศส ฟรังซัวส์ ซีวิล ให้รับบท “เจ้าพ่อแห่งโลกใต้พิภพ” นักสำรวจหนุ่มคนกล้า ผู้พยายามจะหนีจากอดีตในความมืดมิดของตัวเอง
ซีวิลอธิบายถึงแรงจูงใจของตัวละครของเขาว่า “ปาปิยองเป็นนักสำรวจผู้ปราศจากความกลัว ที่ถูกตามหลอนด้วยการสูญเสียเพื่อนที่เขาไม่อาจช่วยเอาไว้ได้ ด้วยเหตุนี้ ผมถึงอยากจะแสดงบทนี้ออกมาในแบบที่แสดงให้เห็นว่าเขาใช้อีโก้ตัวเองอำพรางความไม่มั่นใจในตัวเองอย่างไรน่ะครับ”
สมาชิกคนอื่นๆ ในทีมนักสำรวจ ผู้ร่วมเดินทางกับสการ์เล็ตต์ด้วย ในการไขปริศนาทางสถาปัตยกรรมที่ลึกลับที่สุดตลอดกาลคือนักปีนสุสาน เซ็ด (รับบทโดยอาลี มาห์ยาร์จาก Zero Dark Thirty) นักสำรวจผู้คล่องแคล่ว ผู้ชำนาญด้านการปีนป่ายผู้เงียบขรึม และซูซี (นักแสดงหน้าใหม่ มาริยง แลมเบิร์ต) แม่เสือสาวแห่งโลกใต้พิภพ ผู้ติดตามปาปิยองไปสู่มุมมืดที่สุดของโลกใต้ดิน
สิ่งที่บ่งบอกถึงสไตล์ของสองพี่น้องดาวเดิลได้ชัดเจนที่สุดคือการที่พวกเขาไม่ได้แนะนำทีมนักแสดงให้รู้จักกับนักแสดงที่จะรับบท ลา โทป จนกระทั่งวันที่พวกเขาต้องถ่ายทำกับเขา ในตอนที่ คอสเม คาสโทร ปรากฏตัวในกองถ่าย ด้วยดวงตาว่างเปล่าและเสื้อผ้าสกปรก นักแสดงหลักทั้งหกคนก็กลัวลา โทปพอๆ กับที่ผู้ชมรู้สึกในตอนที่ได้พบเขาเป็นครั้งแรก
การสร้างความสยดสยอง:
การออกแบบและการถ่ายทำทริลเลอร์
เป็นเรื่องสำคัญสำหรับสองพี่น้องดาวเดิลในการผลักดันตัวเองให้พ้นจากสิ่งที่พวกเขาคุ้นเคยในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งมันพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นงานที่ใหญ่เกินคาด เมื่อพวกเขาพาทีมงานที่ถ่ายทำสไตล์เคลื่อนไหว และนักแสดงกลุ่มหนึ่งลงใต้ดินไปลึกหลายชั้น
As Above/So Below ที่ถ่ายทำตามตารางเวลาที่กระชับ ใช้เวลาในการถ่ายทำหลักไม่ถึงสองเดือน ไม่ว่าจะเป็นตอนที่พี่น้องดาวเดิลและทีมงานจะต้องคลานอยู่ในสุสานดิน หรือตอนที่พวกเขาวิ่งตามนักแสดงที่ติดกล้องพานาโซนิคไว้บนศีรษะ ในแบบที่บางครั้งจะเป็นที่มาของแสงเพียงที่เดียวของฉากนั้นๆ ก็เป็นหน้าที่ของพี่น้องดาวเดิลและผู้กำกับภาพ ลีโอ ฮินสติน ที่จะนำเสนออารมณ์และช็อตออกมาอย่างเหมาะสม
จริงๆ แล้ว As Above/So Below ได้สร้างจุดเด่นที่น่าประทับใจในฐานะกองถ่ายเรื่องแรกที่ได้รับอนุญาตให้ถ่ายทำในสุสานใต้ดินจริงๆ ทั้งพื้นที่ที่เปิดสำหรับสาธารณชนและพื้นที่ที่เป็นเขตหวงห้ามสำหรับสาธารณชนกลายเป็นพื้นที่การถ่ายทำด้วยความเอื้อเฟื้อจากรัฐบาลฝรั่งเศส สองพี่น้องดาวเดิลกล่าวชื่นชมลีเจนดารีสำหรับการสนับสนุนวัตถุประสงค์ของพวกเขาในการถ่ายทำที่นั่น
ผู้อำนวยการสร้างไอเอลโลได้เล่าถึงกระบวนการนี้ว่า “เรามุ่งมั่นกับการช่วยจอห์นและดรูว์ในการทำให้มันเวิร์คและนำเสนอประสบการณ์ของการติดอยู่ในสุสานใต้ดิน เป็นเรื่องปกติที่จะมีหลายขั้นตอนกว่าที่เราจะสามารถถ่ายทำในเขตหวงห้ามของสุสานใต้ดินแห่งนี้ได้ ตั้งแต่การทดสอบความแข็งแรงของโครงสร้าง คุณภาพของน้ำและอากาศ ไปจนถึงการตรวจสอบมาตรฐานด้านความปลอดภัย รัฐบาลฝรั่งเศสร่วมมือกับเราในแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เราคงไม่อาจสร้างหนังเรื่องนี้ได้ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากพวกเขาน่ะครับ”
ด้วยทีมงานที่มาจากหลากเชื้อชาติ ทั้งผู้กำกับภาพชาวฝรั่งเศสและผู้ช่วยผู้กำกับชาวเยอรมัน (วิลเลียม พรูส) ไปจนถึงผู้ช่วยช่างภาพลำดับที่หนึ่งชาวอิตาเลียน (ปิแอร์หลุยจี้ เดอ ปาโล) และทีมงานที่เต็มไปด้วยชาวฝรั่งเศส นับว่าทีมงานนี้เป็นทีมงานระดับโลกอย่างแท้จริง และทุกคนก็ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ระหว่างการถ่ายทำ
ทุกอย่างจะต้องถูกลากเข้าไปในสุสานใต้ดิน ทีมงานได้นำเปียโนที่ใช้งานได้จริง รวมถึงรถยนต์ลงไปใต้ดินลึกลงไปหกชั้น พวกเขาได้รับอนุญาติให้เผารถยนต์คันนั้นอย่างระมัดระวังสำหรับฉากสำคัญในเรื่องด้วยซ้ำไป
แม้ว่าหลุยส์ มาร์ซาโรลีจะออกแบบงานสร้างของภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างชำนาญ สองพี่น้องก็ยอมรับว่ามันอาจจะง่ายกว่าเยอะถ้าพวกเขาอยู่ในฉาก…แต่ก็คงไม่สนุกเท่า จอห์น อีริค ดาวเดิลกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “แม้ว่าตามปกติผมจะเป็นคนกำกับ และดรูว์เป็นคนอำนวยการสร้าง แต่มันก็เป็นเส้นแบ่งที่พร่าเลือนเพราะเรานั่งดูมอนิเตอร์ด้วยกันเสมอ ในหนังเรื่องนี้ พวกเขาไม่สามารถต่อสายไฟเข้ากับมอนิเตอร์ และไวร์เลสก็ไม่สามารถทะลุผ่านกำแพงได้ เราก็เลยต้องถือมอนิเตอร์วิ่งอยู่ด้านหลังนักแสดงไปในทุกที่ที่พวกเขาไปครับ”
ดรูว์ ดาวเดิลอธิบายถึงความรู้สึกระหว่าง 10 วันในการตระเวนหาสถานที่ถ่ายทำในปารีส “เราดึงภาพอ้างอิงมาจากวรรณกรรมหลายเรื่อง โดยเฉพาะ “นรก” ของดันเต้ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนขุมนรก เป้าหมายของเราคือการไม่สร้างอะไรเลย เราอยากจะถ่ายทำทุกอย่างในสุสานใต้ดินและสถานที่ใต้ดินอื่นๆ ที่สามารถรวมกันเป็นสุสานใต้ดินได้ การขออนุญาตถ่ายทำในสุสานใต้ดินจริงๆ เป็นเรื่องท้าทายทีเดียว แต่สำหรับเราแล้ว การถ่ายทำในโลเกชันจริงๆ เป็นเรื่องสำคัญ เรารู้ว่าพอเราได้รับอนุญาต และเราเข้าใจถึงความเป็นฝรั่งเศสของมันทั้งหมดแล้ว เราก็จะใช้ทีมงานกลุ่มเล็กๆ และการถ่ายทำแบบเคลื่อนไหวน่ะครับ”
จอห์น อีริค ดาวเดิล พูดถึงวันนั้นอย่างละเอียดว่า “เราอยู่ตรงนั้นประมาณ 3.5-4 ชั่วโมง และเราก็เห็นหัวกระโหลกและกระดูกขา เราคลานกันใต้หินก้อนใหญ่…มันน่ากลัวจริงๆ ครับ และนั่นก็เป็นความรู้สึกที่เราอยากจะสร้างให้เกิดในหนังเรื่องนี้”
ด้วยความที่ไม่สามารถใช้โทรศัพท์มือถือหรือไฟฟ้าข้างล่างได้ ทีมงานและนักแสดงก็จำเป็นต้องพึ่งพากันเอง ซึ่งนั่นหมายถึงการต้องช่วยเหลือกันในตอนที่พวกเขาต้องเคลื่อนตัวผ่านบริเวณที่มีเพดานต่ำ ซึ่งถูกขุดเอาไว้เมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว มือเขียนบท/ผู้กำกับเล่าว่า “คุณคิดว่าคุณควรจะฉายแสงไปที่พื้นเพื่อที่คุณจะได้ไม่ลื่นล้ม แต่กฎข้อแรกคือคุณจะต้องฉายแสงไปบนเพดานเพื่อที่หัวคุณจะไม่ชนกับเพดานต่ำพวกนั้นน่ะครับ”
นอกจากกล้องเรด อีพิค ซึ่งเป็นกล้องหลักของผู้กำกับภาพแล้ว กล้องตัวอื่นๆ จะถูกติดไว้บนหมวกของนักแสดง ดรูว์ ดาวเดิลเล่าว่า “เราอยากจะถ่ายทำลองช็อต เพื่อที่นักแสดงจะสามารถอินกับการแสดงและแสดงเหมือนกับกำลังแสดงละครเวทีมากกว่าจะเป็นการแสดงหนังน่ะครับ”
สำหรับเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของ As Above/So Below เป็นหน้าที่ของผู้ประพันธ์เพลง คีฟัส เซียนเซีย, หัวหน้าผู้ลำดับเสียง เคลลี อ็อกซ์ฟอร์ด และหัวหน้าผู้ออกแบบเสียง คาเรน ทรีสต์ ในการสรรค์สร้างซาวน์แทร็คหลอนประสาท และทำให้เรากังวลถึงสิ่งที่รออยู่ตรงหัวมุมข้างหน้า ตั้งแต่เสียงประหลาดที่ดังก้องอยู่ในสุสานใต้ดิน ไปจนถึงการขาดเสียงสะท้อนในพื้นที่นี้ พี่น้องดาวเดิลอยากทำให้แน่ใจว่าผู้ชมจะได้ยินทุกอย่างที่ตัวละครได้ยินในตอนที่พวกเขาถูกพาตัวไปยังสถานที่ที่ไม่เหมือนที่ใดในโลก…และนั่นก็คือสิ่งที่ทีมงานทำได้สำเร็จ
****
ลีเจนดารี พิคเจอร์สและยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ ผลงานสร้างโดยลีเจนดารี พิคเจอร์ส/บราเธอร์ส ดาวเดิล As Above/So Below นำแสดงโดยเพอร์ดิตา วีคส์, เบน เฟลด์แมน, เอ็ดวิน ฮ็อดจ์ คัดเลือกนักแสดงโดยซาราห์ ฮัลลีย์ ฟินน์, ซีเอสเอ, ทามารา ฮันเตอร์, ซีเอสเอ และดนตรีโดยคีฟัส เซียนเซีย ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายคือแอนนี บลูม และมือลำดับภาพคือเอลเลียต กรีนเบิร์ก ผู้ออกแบบงานสร้างของภาพยนตร์เรื่องนี้คือหลุยส์ มาร์ซาโรลี, เอดีซี และกำกับภาพโดยลีโอ ฮินสติน ผู้ควบคุมงานสร้างของภาพยนตร์เรื่องนี้คืออเล็กซ์ เฮดลันด์ อำนวยการสร้างโดยโธมัส ทัลล์, จอน จาชนี, ดรูว์ ดาวเดิล, แพทริค ไอเอลโล เขียนบทโดยจอห์น อีริค ดาวเดิล และดรูว์ ดาวเดิล ทริลเลอร์เรื่องนี้กำกับโดยจอห์น อีริค ดาวเดิล © 2014 Legendary Pictures and Universal Studios. www.asabovesobelowmovie.com
ประวัตินักแสดง
เพอร์ดิตา วีคส์ (Perdita Weeks) รับบท สการ์เล็ตต์
เพอร์ดิตา วีคส์ นักแสดงหญิงชาวอังกฤษ มีชื่อเสียงในหมู่ผู้ชมทั่วโลกจากบทแมรี โบลิน ในซีรีส์มากโลกีย์ทางโชว์ไทม์เรื่อง The Tudors นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เธอก็ได้แสดงในโปรเจ็กต์จอแก้วและจอเงินชื่อดังหลายเรื่อง รวมถึง The Invisible Woman โดยบีบีซี ฟิล์มส์ ภายใต้การกำกับโดยราล์ฟ ไฟน์, The Promise ที่กำกับโดยปีเตอร์ คอสมินสกี้, Flight of the Storks โดยแคแนล พลัส, Great Expectations โดยบีบีซี และ Titanic โดยไอทีวี หลังจากนี้ เธอจะได้แสดง The Great Fire ทางไอทีวี ภายใต้การกำกับของจอน โจนส์
วีคส์เติบโตในเซาธ์ กลามอร์แกน, เวลส์ เธอศึกษาด้านประวัติศาสตร์ศิลปะที่สถาบันศิลปะคอร์ทอลด์ในกรุงลอนดอน
เบน เฟลด์แมน (Ben Feldman) รับบท จอร์จ
หลังจากนี้ เบน เฟลด์แมนจะได้แสดงในคอเมดีเรื่องใหม่ทางเอ็นบีซีเรื่อง A to Z ซึ่งเขารับบทแอนดรูว์ ลอฟแลนด์ ชายหนุ่มผู้ชื่นชอบกีฬาและภาพยนตร์โดยเลียม นีสัน แต่ก็แอบซ่อนความโรแมนติกไว้ด้วยเช่นกัน
ในเดือนมีนาคม ปี 2012 เขาได้เปิดตัวในซีซันที่ห้าของดรามารางวัลไพรม์ไทม์ เอ็มมี อวอร์ดเรื่อง Mad Men ในบทของไมเคิล กินส์เบิร์ก ก็อปปี้ไรเตอร์มือใหม่ที่สเตอร์ลิง คูเปอร์ เดรเปอร์ ไพรซ์ หลังจากผ่านไปไม่กี่เอพิโซด นิตยสารจีคิวก็ยกย่องเฟลด์แมนว่าเป็น “หนึ่งในตัวละครใหม่ที่ลึกลับที่สุดบนจอแก้ว เขาทั้งน่ารัก น่ารังเกียจและน่าติดตามอย่างไม่อาจห้ามใจได้” ไม่เพียงแต่สื่อจะชื่นชมผลงานเรื่องนี้ของเขา แต่เฟลด์แมนยังได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลไพรม์ไทม์ เอ็มมี อวอร์ดปี 2012 ในสาขานักแสดงรับเชิญยอดเยี่ยมในซีรีส์ดรามา
เฟลด์แมนเป็นชาววอชิงตัน ดี.ซี. เขาเริ่มก้าวเข้าสู่แวดวงการแสดงเมื่ออายุได้หกขวบ ในตอนที่ที่ปรึกษาประจำค่ายเกลี้ยกล่อมให้เขาร่วมแสดงในมิวสิคัลเรื่อง Annie สมัยไฮสคูล เขาได้ร่วมแสดงในละครโรงเรียน หลังจากนั้น เขาก็ได้ศึกษาเอกการแสดงที่อิธาคา คอลเลจ
ในปี 2005 เฟลด์แมนได้เปิดตัวในภาพยนตร์ฮอลลีวูดด้วย The Perfect Man ซึ่งร่วมแสดงโดยฮิลลารี ดัฟฟ์, คริส นอธและฮีทเธอร์ ล็อคเลียร์ หลังจากนั้น เขาก็ได้แสดงประกบจาเร็ด พาดาเล็คกี้และแดเนียล พานาเบเกอร์ ในรีเมกภาพยนตร์สยองขวัญคลาสสิกเรื่อง Friday the 13th ที่กำกับโดยมาร์คัส นิสเพล ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเขารวมถึงทริลเลอร์ไซไฟเรื่อง Cloverfield สำหรับผู้กำกับแมทท์ รีฟส์
เขาเปิดตัวในแวดวงจอแก้วในปี 2007 ด้วยคอเมดีเรื่อง Living With Fran ประกบฟราน เดรสเชอร์ ในปี 2009 เขาได้รับเลือกให้รับบท เฟรด เทพอารักษ์ที่เพิ่งลงมาเยือนโลกมนุษย์ ในซีรีส์ออริจินอลทางไลฟ์ไทม์เรื่อง Drop Dead Diva ผลงานซีรีส์เรื่องอื่นๆ ที่เขาได้รับบทดารารับเชิญได้แก่ CSI: Crime Scene Investigation, Silicon Valley, The New Adventures of Old Christine และ Medium
ปัจจุบัน เขาอาศัยอยู่ในลอสแองเจลิส
เอ็ดวิน ฮ็อดจ์ (Edwin Hodge) รับบท เบนจี้
ในปี 2013 เอ็ดวิน ฮ็อดจ์ ได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ยอดนิยมบ็อกซ์ออฟฟิศเรื่อง The Purge และเมื่อเร็วๆ นี้ ก็ได้แสดงในซีเควล The Purge: Anarchy ในปี 2012 เขาได้แสดงใน Red Dawn ประกบคริส เฮมส์เวิร์ธและจอช ฮัทเชอร์สัน สำหรับจอแก้ว เขาได้รับบทรับเชิญซีรีส์ NCIS: Red ตอนไพล็อตของซีรีส์สปินออฟจาก NCIS: Los Angeles และได้รับบทตัวละครประจำในซีรีส์ทีบีเอสเรื่อง Cougar Town ที่เขารับบท เวด แฟนหนุ่มของลอรีย์ (บิวซี ฟิลิปส์) เขาได้รับบทรับเชิญในซีรีส์เรื่อง NCIS: Los Angeles, The Mentalist, Heroes, Ghost Whisperer และ One Tree Hill
เขาเป็นนักกีฬาตัวยง ที่ใช้เวลาว่างไปกับการเล่นบาสเก็ตบอลและกอล์ฟ เขาเกิดในเมืองแจ็คสันวิลล์ รัฐนอร์ธ แครอไลนา และเติบโตในนิวยอร์ก ปัจจุบัน เขาใช้ชีวิตอยู่ในลอสแองเจลิส
ฟรังซัวส์ ซีวิล (Francois Civil) รับบท ปาปิยอง
หลังจากนี้ ฟรังซัวส์ ซีวิลจะได้แสดงประกบไมเคิล ฟาสเบนเดอร์, ดอมห์นัลล์ กลีสันและแม็กกี้ จิลเลนฮัลในภาพยนตร์โดยเลนนี อับราฮัมสันเรื่อง Frank ซึ่งเปิดตัวท่ามกลางเสียงวิจารณ์ชื่นชมในงานเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์
ซีวิลเป็นชาวฝรั่งเศส เขาได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากงานเทศกาลภาพยนตร์ขนาดสั้นบรัสเซลส์และเทศกาลฌอน คาร์เม็ท อา มูแลงส์ สำหรับภาพยนตร์ขนาดสั้นเรื่อง Dans nos veines นอกเหนือจากนั้น เขายังได้รับรางวัลซีซาร์ อวอร์ดสาขานักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมปี 2009 จาก Soit je meurs, soit je vais mieux และปี 2012 จาก Nos resistances
ในปี 2013 ซีวิลได้แสดงในภาพยนตร์ขนาดสั้นเรื่อง Pour le role ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเขาได้แก่ Fonzy, 20 ans d’ecart, La stratégie de la poussette, Elles, Une pure affaire, Bus Palladium และ Macadam Baby การแสดงของเขาใน Macadam Baby ทำให้ซีวิลได้รับรางวัลรองเดวูซ์อวอร์ดปี 2013 จากเทศกาลภาพยนตร์คาบูร์ก
สำหรับจอแก้ว ล่าสุด เขาได้แสดงในมินิซีรีส์เอ็นบีซีเรื่อง Rosemary’s Baby ภายใต้การกำกับของแอ็กเนียสก้า ฮอลแลนด์ ผลงานจอแก้วเรื่องอื่นๆของเขาได้แก่ Castings, Alias Caracalla, Le clan des Lanzac, Emma, Hard, Simple, Sweet Dream และ Trop la classe
ประวัติทีมผู้สร้าง
จอห์น อีริค ดาวเดิล (John Erick Dowdle) —กำกับโดย/เขียนบทโดย และ ดรูว์ ดาวเดิล (Drew Dowdle)—เขียนบทโดย/อำนวยการสร้างโดย
สองคู่หู จอห์น อีริค ดาวเดิล และดรูว์ ดาวเดิล เป็นทีมเขียนบท/กำกับ/อำนวยการสร้างที่เพิ่งจะเสร็จสิ้นจากการทำงานภาพยนตร์เรื่องที่หกของพวกเขา สองพี่น้องได้เขียนบทร่วมกัน แต่พวกเขาก็ก้าวสู่หน้าที่ที่แตกต่างกันโดยจอห์นรับหน้าที่ผู้กำกับและดรูว์รับหน้าที่ผู้อำนวยการสร้าง ทั้งคู่มาจากเซนต์ปอล รัฐมินนิโซตา ปัจจุบัน อาศัยอยู่ในลอสแองเจลิส
ปัจจุบัน สองพี่น้องดาวเดิลมีผลงานภาพยนตร์สองเรื่องในช่วงโพสต์โปรดักชัน ที่กำลังจะเข้าฉายทั่วประเทศ รวมถึง The Coup ที่นำแสดงโดยโอเวน วิลสัน, เพียร์ซ บรอสแนนและเลค เบล บอกเล่าเรื่องราวของครอบครัวชาวอเมริกันที่ลงหลักปักฐานในต่างประเทศ และไม่นานนัก พวกเขาก็พบว่าตัวเองตกอยู่ท่ามกลางการทำรัฐประหาร ในตอนที่พวกเขาพยายามหาที่ปลอดภัยท่ามกลางที่ที่ชาวต่างชาติตกเป็นเป้าหมาย พวกเขาต้องอาศัยความกล้าหาญในการเอาชีวิตรอด โปรเจ็กต์ลูกรักเรื่องนี้ได้สองพี่น้องร่วมเขียนบท โดยมีจอห์นกำกับและดรูว์อำนวยการสร้าง ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้เวลาการสร้างเจ็ดปี The Coup ที่ได้รับทุนสร้างจากโบลด์ ฟิล์มส์ถ่ายทำในเชียงใหม่ ประเทศไทย และถูกซื้อโดยไวน์สตีน คัมปะนี ในฐานะหนึ่งในข้อตกลงมูลค่าสูงสุดในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปี 2014 ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเข้าฉายในวันที่ 6 มีนาคม ปี 2015
Devil ภาพยนตร์เรื่องที่สี่ของพวกเขา จัดจำหน่ายโดยยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์สในเดือนกันยายน ปี 2010 และทำรายได้ไป 63 ล้านเหรียญทั่วโลก จอห์นได้กำกับและดรูว์เป็นผู้ควบคุมงานสร้างภาพยนตร์เรื่องนั้น ซึ่งสร้างจากเรื่องราวโดยเอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน ผู้ควบหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างด้วย ก่อนหน้า Devil สองพี่น้องได้ร่วมเขียนบท Quarantine โดยมีจอห์นเป็นผู้กำกับและดรูว์เป็นผู้ควบคุมงานสร้าง สำหรับสกรีน เจมส์ ซึ่งเข้าฉายในเดือนตุลาคม ปี 2008 และประสบความสำเร็จเชิงคำวิจารณ์และเชิงรายได้ Quarantine ทำรายได้ไปกว่า 41 ล้านเหรียญในบ็อกซ์ออฟฟิศ
สองพี่น้องดาวเดิลแจ้งเกิดหลังจากการเปิดตัวสารคดีปลอม/อินดีสยองขวัญเรื่อง The Poughkeepsie Tapes จากงานเทศกาลภาพยนตร์ไทรเบกาปี 2007 การเล่าเรื่องการไล่ล่าฆาตกรต่อเนื่องสไตล์สารคดีได้สร้างความตกตะลึงให้กับผู้ชมและถูกเอ็มจีเอ็มซื้อไปด้วยจำนวนเงินสูงสุดเท่าที่เคยมีการขายได้ในเทศกาลภาพยนตร์ไทรเบกา The Dry Spell ภาพยนตร์เรื่องแรกของสองพี่น้องดาวเดิล เป็นภาพยนตร์อินดีทุนน้อย ที่เปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์สแลมแดนซ์ปี 2005 ที่มันได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลแกรนด์ จูรี ไพรซ์
นอกจากนี้ สองพี่น้องดาวเดิลยังได้ควบคุมงานสร้างสารคดีเรื่อง Transcendent Man ที่สร้างจากเรื่องของเรย์ เคอร์ซวีล และเปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์ไทรเบกาปี 2009 อีกด้วย โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมอย่างมาก
พวกเขาได้เข้าศึกษาที่เซนต์ โธมัส อคาเดมี โรงเรียนคาธอลิคทหารชายล้วน ในวัยเด็ก พวกเขาก็รู้ว่าพวกเขาอยากจะร่วมงานกันในสายงานสร้างสรรค์ ทั้งคู่ชื่นชอบภาพยนตร์และดนตรี หลังจบไฮสคูล จอห์นก็ไปเรียนการเขียนที่มหาวิทยาลัยไอโอวา หลังจากเรียนคลาสภาพยนตร์และวิดีโอ เขาก็เริ่มเกลี้ยกล่อมน้องชายตัวเองว่าพวกเขาควรจะสร้างภาพยนตร์ ไม่นานนัก จอห์นก็ย้ายไปเรียนทิสช์ สคูล ออฟ ดิ อาร์ตส์แห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ที่ซึ่งเขาได้รับปริญญาด้านงานสร้างจอแก้วและจอเงิน
ดรูว์สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนธุรกิจสตีเฟน เอ็ม. รอสแห่งมหาวิทยาลัยมิชิแกน สาขาการเงินและธุรกิจนานาชาติ แผนการของพวกเขาคือการทำความเข้าใจในเรื่องการเงินและธุรกิจอย่างถ่องแท้เพื่อนำมาใช้กับการเขียนบท กำกับและอำนวยการสร้างภาพยนตร์ ก่อนหน้าที่จะได้ร่วมงานกับจอห์นเต็มตัว ดรูว์ได้เป็นนักการธนาคารในนิวยอร์ก ซิตี้นานหลายปี โดยเขาชำนาญด้านการควบรวมกิจการและการซื้อกิจการ เขาหันหลังให้กับงานดังกล่าวในปี 2003 เพื่อร่วมงานกับจอห์นในลอสแองเจลิสและบราเธอร์ส ดาวเดิล โปรดักชันส์ ก็ถือกำเนิดตั้งแต่นั้นมา
โธมัส ทัลล์ (Thomas Tull)—อำนวยการสร้าง
โธมัส ทัลล์ ผู้อำนวยการและซีอีโอบริษัทลีเจนดารี พิคเจอร์ส ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ในการร่วมสร้างและร่วมสนับสนุนเงินทุนให้กับภาพยนตร์ดัง นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในปี 2004 ลีเจนดารี พิคเจอร์ส แผนกภาพยนตร์ของลีเจนดารี เอนเตอร์เทนเมนต์ บริษัทสื่อชั้นนำ ที่มีแผนกจอแก้ว และดิจิตอลและการ์ตูนด้วย ก็ได้ร่วมมือกับวอร์เนอร์ บรอส. พิคเจอร์ส ในภาพยนตร์หลายเรื่อง
ผลงานภาพยนตร์ฮิตหลายเรื่องล่าสุดภายใต้การร่วมมือกันดังกล่าวรวมถึงภาพยนตร์ฮิตทั่วโลกโดยแซ็ค สไนเดอร์เรื่อง Man of Steel และภาพยนตร์ไตรภาคบล็อกบัสเตอร์โดยคริสโตเฟอร์ โนแลนเรื่อง Dark Knight ซึ่งเริ่มต้นด้วย Batman Begins ตามด้วยภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์รายได้หลายพันล้านเหรียญเรื่อง The Dark Knight และ The Dark Knight Rises ทั้งสามภาคทำรายได้รวมกันกว่าหนึ่งพันล้านเหรียญในบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลก
นอกจากนี้ การร่วมงานกันที่ประสบความสำเร็จของพวกเขายังนำไปสู่การสร้างภาพยนตร์ดังหลายเรื่องเช่นภาพยนตร์โดยสไนเดอร์เรื่อง 300 และ Watchmen รวมถึง 300: Rise of an Empire ซึ่งสไนเดอร์อำนวยการสร้าง, ภาพยนตร์โดยเบน แอฟเฟล็คเรื่อง The Town, แอ็กชันดรามารางวัลโดยโนแลนเรื่อง Inception, ภาพยนตร์ฮิตทั่วโลกเรื่อง Clash of the Titans และซีเควลเรื่อง Wrath of the Titans และภาพยนตร์โดยท็อด์ ฟิลลิปส์เรื่อง The Hangover, The Hangover Part II ซึ่งเป็นภาพยนตร์คอเมดีเรท R ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลและ The Hangover Part III
เมื่อเร็วๆ นี้ ลีเจนดารีเพิ่งปล่อย Godzilla, ภาพยนตร์โดยกุยเลอร์โม เดล โทโรเรื่อง Pacific Rim รวมถึงดรามายอดนิยมโดยไบรอัน เฮลเกลแลนด์เรื่อง 42 เรื่องราวเกี่ยวกับแจ็คกี้ โรบินสัน ตำนานแห่งโลกเบสบอล ลีเจนดารีกำลังอยู่ระหว่างการทำงานขั้นตอนโพสต์โปรดักชันในภาพยนตร์เรื่อง Warcraft ที่สร้างจากเกม Warcraft ที่ได้รางวัลของบลิซซาร์ด เอนเตอร์เทนเมนต์
ทัลล์เป็นหนึ่งในคณะกรรมการอำนวยการแฮมิลตัน คอลเลจ สถาบันเก่าของเขาและมหาวิทยาลัยคาร์เนจี้ เมลลอน นอกจากนี้ เขายังเป็นหนึ่งในคณะกรรมการฮอล ออฟ เฟมของเบสบอลแห่งชาติและพิพิธภัณฑ์และสวนสัตว์ซานดิเอโก และเป็นหนึ่งในกลุ่มเจ้าของพิตส์เบิร์ก สตีลเลอร์ส แชมเปียนซูเปอร์ โบว์ลหกสมัย ซึ่งเขาเป็นหนึ่งในคณะกรรมการของทีมด้วย ทัลล์ลงทุนในธุรกิจดิจิตัล สื่อและไลฟ์สไตล์ผ่านทางทัลล์ มีเดีย เวนเจอร์ส บริษัทลงทุนเอกชนของเขา
จอน จาชนี (Jon Jashni)—อำนวยการสร้างโดย
จอน จาชนี ได้ดูแลงานพัฒนาและงานสร้างโปรเจ็กต์ภาพยนตร์ทุกเรื่องของลีเจนดารี พิคเจอร์ส และดำรงตำแหน่งประธานซีซีโอของลีเจนดารี เอนเตอร์เทนเมนต์ บริษัทสื่อชั้นนำที่มีแผนกภาพยนตร์ โทรทัศน์และดิจิตอลและการ์ตูน ปัจจุบัน เขากำลังอยู่ระหว่างการอำนวยการสร้าง Warcraft ที่สร้างจากเกม Warcraft ที่ได้รับรางวัลของบลิซซาร์ด เอนเตอร์เทนเมนต์ นอกจากนี้ เขายังได้ดำรงตำแหน่งผู้ควบคุมงานสร้างภาพยนตร์ใหม่เรื่อง Seventh Son
ก่อนหน้านี้ จาชนีได้ทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์โดยวอร์เนอร์ บรอส. พิคเจอร์สและลีเจนดารี พิคเจอร์สเรื่อง Pacific Rim และทำหน้าที่ผู้ควบคุมงานสร้างภาพยนตร์หลายเรื่องของลีเจนดารี เช่น 300: Rise of an Empire, ภาพยนตร์ชีวประวัติของแจ็คกี้ โรบินสันเรื่อง 42, ภาพยนตร์ยอดนิยมทั่วโลก Clash of the Titans และภาพยนตร์โดยเบน แอฟเฟล็คเรื่อง The Town ที่แอฟเฟล็คได้ร่วมเขียนบทและแสดง
ก่อนหน้าลีเจนดารี จาชนีดำรงตำแหน่งประธานไฮด์ ปาร์ค เอนเตอร์เทนเมนต์ บริษัทสร้างและให้เงินทุน ที่มีการทำข้อตกลงกับทเวนตี้ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์, วอลท์ ดิสนีย์ พิคเจอร์สและเอ็มจีเอ็ม ที่ไฮด์ ปาร์ค เขาได้ดูแลงานพัฒนาและงานสร้างภาพยนตร์เรื่อง Shopgirl, Dreamer: Inspired by a True Story, Walking Tall และ Premonition
ก่อนหน้าจะทำงานกับไฮด์ ปาร์ค เขาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสร้างในภาพยนตร์โรแมนติกคอเมดียอดนิยมโดยผู้กำกับแอนดี้ เทนเนนท์เรื่อง Sweet Home Alabama การร่วมงานระหว่างเขากับเทนเนนท์เริ่มต้นด้วยเทพนิยาย Ever After: A Cinderella Story ซึ่งเขาดูแลงานพัฒนาและงานสร้างในฐานะผู้บริหารงานสร้างอาวุโสที่ทเวนตี้ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์
นอกจากนี้ เขายังเป็นหนึ่งในสมาชิกสถาบันภาพยนตร์อเมริกันและสมาพันธ์ผู้อำนวยการสร้างแห่งอเมริกาอีกด้วย เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยเซาเธิร์น แคลิฟอร์เนียและปริญญาโทจากยูซีแอลเอ แอนเดอร์สัน สคูล ออฟ เมเนจเมนต์
แพทริค ไอเอลโล (Patrick Aiello)—อำนวยการสร้างโดย
แพทริค ไอเอลโล เป็นผู้อำนวยการสร้างและผู้บริหารภาพยนตร์อาวุโส ที่มีประสบการณ์กว้างขวางในสายงานครีเอทีฟ การให้เงินทุน การสร้างและการจัดจำหน่ายภาพยนตร์เมนสตรีม ที่เป็นลูกผสมระหว่างโมเดลสตูดิโอของอเมริกาและโมเดลภาพยนตร์อินดี ก่อนหน้านี้ เขาได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายโปรดักชันที่ไฮด์ ปาร์ค เอนเตอร์เทนเมนต์และได้ดูแลภาพยนตร์ที่มีเป้าหมายที่ผู้ชมทั่วโลก ที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากอิเมจ เนชัน อาบู ดาบี้ บริษัทเอกชนจากอังกฤษและมีเดีย ดิเวลอปเมนต์ ออธอริตี้ จากสิงคโปร์ นอกจากนี้ เขายังมีส่วนร่วมในการผลักดันให้เกิดความสัมพันธ์ในการร่วมสร้างและจัดจำหน่ายของบริษัทกับทเวนตี้ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์, เอ็มจีเอ็ม, โซนี พิคเจอร์สและวอลท์ ดิสนีย์ พิคเจอร์ส
ในฐานะผู้อำนวยการสร้าง ไอเอลโลได้ดูแลงานสร้างภาพยนตร์เรื่อง Street Fighter: The Legend of Chun-Li สำหรับทเวนตี้ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์, Asylum และ The Other End of the Line สำหรับเอ็มจีเอ็ม, The Dark Country สำหรับโซนี พิคเจอร์ส, The Double สำหรับอิเมจ เนชัน อาบู ดาบี้, Dylan Dog: Dead of Night และ Leonie ปัจจุบัน เขาอยู่ระหว่างการถ่ายทำอีพิคเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลเรื่อง Clavius ให้กับแอลดี เอนเตอร์เทนเมนต์ โดยมีเควิน เรย์โนลด์สเป็นผู้กำกับ
ในฐานะผู้บริหาร ไอเอลโลได้ดูแลงานสร้างภาพยนตร์เรื่อง Death Sentence สำหรับทเวนตี้ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ รวมถึง Premonition และ Ghost Rider: Spirit of Vengeance สำหรับโซนี พิคเจอร์ส
เขาเป็นสมาชิกสมาพันธ์ผู้อำนวยการสร้างแห่งอเมริกาและสมาพันธ์มือเขียนบทแห่งอเมริกา
อเล็กซ์ เฮดลันด์ (Alex Hedlund)—ผู้ควบคุมงานสร้าง
อเล็กซ์ เฮดลันด์ ได้เข้าทำงานกับลีเจนดารี เอนเตอร์เทนเมนต์ในปี 2011 โดยเขาได้ทำงานในหลายโปรเจ็กต์ รวมถึง Godzilla, 42 และ Pacific Rim
ปัจจุบัน เขากำลังอยู่ระหว่างการทำงานในภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากนิยายโดยมาร์คัส ซาคีย์เรื่อง “Brilliance” ซึ่งจูเลียส โอนาห์จะกำกับ ผลงานหลังจากนี้ของเฮดลันด์รวมถึง Reminiscence และ Esperanza Fire
ก่อนหน้าที่จะเข้าทำงานกับลีเจนดารี เฮดลันด์ทำหน้าที่บรรณาธิการเรื่องราวให้กับสตาร์ส โร้ด เอนเตอร์เทนเมนต์และทำงานเป็นผู้ช่วยที่วอร์เนอร์ บรอส. พิคเจอร์ส เฮดลันด์เป็นชาวมิดเวสต์ เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทสาขาวารสารศาสตร์ และการอำนวยการสร้างจากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์และยูซีแอลเอ ตามลำดับ
ลีโอ ฮินสติน (Leo Hinstin)—ผู้กำกับภาพ
ลีโอ ฮินสติน เกิดและเติบโตในกรุงปารีส เขาเริ่มต้นทำงานเป็นเด็กฝึกงานช่างภาพเมื่ออายุได้ 18 ปี เขาไต่เต้าขึ้นไปเป็นผู้ช่วยผู้กำกับภาพชื่อดังที่สุดของฝรั่งเศสหลายคนมานานกว่า 10 ปี ในปี 2009 เขาได้ทำหน้าที่ตากล้องให้กับแครอลิน แชมเปอเทียร์ ซึ่งเป็นผู้กำกับภาพที่เขาเริ่มทำงานผู้ช่วยให้ในปี 1997
เขาได้ร่วมงานกับผู้กำกับชื่อดังชาวฝรั่งเศสหลายคน รวมถึงอังเดร เทชิเน, โอลิวิเยร์ อัสซายาส, ฟิลิปเป้ การ์เรลและคล็อด แลนซ์แมนน์ รวมถึงผู้กำกับต่างชาติชื่อดังอย่างนาโอมิ คาวาเสะและโหวเชี่ยวเสียน เขาได้ให้น้ำหนักกับความสำคัญของแง่มุมเล่าเรื่องของการกำกับภาพ ความเคารพต่อนักแสดงและการถ่ายทำภาพยนตร์แบบละเอียดอ่อน
ในการถ่ายทำภาพยนตร์ขนาดสั้นหลายเรื่อง รวมถึงภาพยนตร์ที่ได้รับเลือกให้เข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ เขาได้สร้างชื่อให้กับตัวเองในฐานะผู้กำกับภาพ เขาได้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาในปี 2006 ได้แก่ภาพยนตร์อินดีที่ไม่ได้เข้าฉายเรื่อง Entre chien et loup ภายใต้การกำกับของปิแอร์ ธอร์เรตตัน หลังจากทำงานในแผนกกล้องซักพัก เขาก็ได้ร่วมงานกับธอร์เรตตันในปี 2008 ด้วยกาถ่ายทำสารคดีเรื่อง L’amour fou ซึ่งเกี่ยวกับชีวิตของอีฟ แซงต์ โลรองค์ แฟชัน ดีไซเนอร์ชื่อดัง ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตรอนโตปี 2010 ที่ซึ่งมันได้รับรางวัลฟิเฟรสซี และได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลซีซาร์ อวอร์ดสาขาสารคดียอดเยี่ยมในภายหลัง
เขาได้ร่วมมือกับผู้กำกับรุ่นเยาว์ในภาพยนตร์ขนาดสั้นหรือภาพยนตร์เรื่องแรกๆ ของพวกเขา ซึ่งรวมถึง Nana โดยวาเลรี มัสซาเดียน ซึ่งได้รับรางวัลสาขาภาพยนตร์เรื่องแรกยอดเยี่ยมจากงานเทศกาลภาพยนตร์โลคาร์โนในปี 2011 โปรเจ็กต์เล็กๆ ของเขาในตอนนั้นรวมถึงมิวสิค วิดีโอ และโฆษณาแบรนด์หรูต่างๆ เช่น ดิออร์, โคลอี้, อีฟ แซงต์ โลรองค์ การร่วมงานกับช่างภาพแฟชันระดับแนวหน้ากลายเป็นหนึ่งในเครื่องหมายการค้าของเขา นอกเหนือจากงานโฆษณาแล้ว เขายังได้ร่วมมือกับศิลปินวิชวลชื่อดังระดับโลกหลายคน ซึ่งรวมถึงไซเปรียน เกลลาร์ด, โลรองค์ กราสโซและซาราห์ มอร์ริส
ในปี 2011 เขาถ่ายทำ Aux yeux de tous ภาพยนตร์ที่กำกับโดยเซดริค ฮิมิเนซ ที่รวบรวมฟุตเตจจากกล้อง CCTV และเว็บแคม สองสามปีให้หลัง วิธีการเล่าเรื่องที่โดดเด่นนี้ตกเป็นที่สนใจของจอห์น อีริคและดรูว์ ดาวเดิล ระหว่างที่พวกเขากำลังตามหาผู้กำกับภาพในปารีสสำหรับภาพยนตร์เรื่อง As Above/So Below นอกจากนั้น เขายังได้ร่วมงานกับพี่น้องดาวเดิลในภาพยนตร์ใหม่ของพวกเขาเรื่อง The Coup ซึ่งถ่ายทำในประเทศไทย
ในฤดูใบไม้ร่วงปีหน้า เขาจะได้ถ่ายทำโปรเจ็กต์ใหม่โดยมือเขียนบท/ผู้กำกับนิโคลัส ซาดะ
หลุยส์ มาร์ซาโรลี, เอซีอี (Louise Marzaroli, ACE)—ผู้ออกแบบงานสร้าง
หลุยส์ มาร์ซาโรลี, เอซีอี เกิดในอังกฤษ และเติบโตขึ้นในสต็อคโฮล์ม, บาร์เซโลนา, มิวนิคและโรม
หลังจากสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี เธอก็ย้ายไปปารีสเพื่อศึกษาสถาปัตยกรรมตกแต่งภายใน
ด้วยความที่เธอมาจากครอบครัวคนทำหนัง ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเลี่ยงไม่ได้ที่มาร์ซาโรลีจะได้ฝึกงานที่ซิเนซิตต้า สตูดิโอส์ในกรุงโรม ด้วยการทำงานในโปรเจ็กต์ต่างๆ ร่วมกับผู้กำกับชื่อดังเช่นดิโน ริซี, มิเกลันเจโล แอนโทนิโอนีและเฟดเดอริโก้ เฟลลินี
เธอเล่าว่า “การโตขึ้นในโรม ซึ่งเป็น ‘ฮอลลีวูดบนฝั่งแม่น้ำทิเบอร์’ เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นอย่างเหลือเชื่อ มันมีผู้กำกับและภาพยนตร์แนวต่างๆ มากมายที่ได้รับความนิยมอย่างสูงและน่าทึ่ง ทั้งนีโอเรียลลิสต์, อีพิคอเมริกัน, สปาเก็ตตี้ เวสเทิร์น, หนังลึกลับอาชญากรรมและอีโรติกคอเมดี ที่ดูเหมือนจะผสมผสานกันและก่อเกิดเป็น ‘una grande allegra famiglia’”
ในปารีส มาร์ซาโรลีได้เข้าทำงานที่เวิร์คช็อปของฟูเลต์-วีเบอร์ ทีมก่อสร้างและออกแบบที่ทำงานโฆษณาเป็นหลัก เธอใช้เวลาในช่วงหนึ่งทศวรรษหลังจากนั้นขัดเกลาฝีมือตัวเองด้วยการร่วมงานกับผู้กำกับหน้าใหม่อย่างฌอน-ปิแอร์ จูเนต์, ฌอน เบ็คเกอร์, เอเตียง ชาติเลซ์และฌอน-ปอล โกดี้
เธออธิบายว่า “โฆษณาเป็นงานเฉพาะกลุ่มและต้องการการขัดเกลาและเก็บรายละเอียดอย่างสูง เราทำงานร่วมกับผู้กำกับมากประสบการณ์ก็จริง แต่งานโฆษณาก็เป็นฐานสำหรับผู้กำกับหน้าใหม่ด้วย ฉากเป็นองค์ประกอบที่สำคัญต่อผลกระทบและความสำเร็จของหนังเรื่องหนึ่งๆ ดังนั้น มันก็เลยเป็นช่วงเวลาของความคิดสร้างสรรค์และความชาญฉลาดที่ยอดเยี่ยมค่ะ”
งานที่ประสบความสำเร็จของมาร์ซาโรลีในการออกแบบงานสร้างจอแก้วและจอเงินนำเธอไปทั่วทุกมุมโลก
ตั้งแต่ความงามระยิบระยับของ Hideous Kinky ไปสู่ความสมจริงที่ดิบเถื่อนของซีรีส์ Reporters เธอได้มีส่วนร่วมในการทำงานในงานจอแก้วและจอเงินกว่า 25 เรื่อง เธอได้ทำงานในภาพยนตร์ปี 2000 เรื่อง Chocolat ซึ่งได้รับรางวัลสมาพันธ์ผู้กำกับศิลป์สาขาออกแบบงานสร้างยอดเยี่ยม
มาร์ซาโรลีสรุปว่า “สิ่งที่ฉันชื่นชมมากขึ้นเรื่อยๆ คือฝีมือและงานศิลป์ของการออกแบบและสร้างฉาก มันมีความภาคภูมิใจและความน่าพึงพอใจในงานนี้ที่มีอยู่ทั่วโลก และแม้ว่าเทคโนโลยีดิจิตอลจะได้รับความนิยมมากแค่ไหน งานนี้ก็ยังเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างยิ่งต่อศิลปะภาพยนตร์ค่ะ”
เอลเลียต กรีนเบิร์ก (Elliot Greenberg)—มือลำดับภาพ
ในปี 2012 เอลเลียต กรีนเบิร์ก ได้ร่วมมือกับผู้กำกับจอช แทรงค์ ในดรามาทริลเลอร์ไซไฟชื่อดังโดยทเวนตี้ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์เรื่อง Chronicle
กรีนเบิร์กเริ่มต้นจากการทำหน้าที่มือลำดับภาพฝึกหัดในภาพยนตร์โดยเวส คราเวนเรื่อง Cursed เขาได้ร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับพี่น้องดาวเดิลในฐานะมือลำดับภาพในภาพยนตร์ใหม่เรื่อง The Coup รวมถึงภาพยนตร์เรื่อง Devil, Quarantine และ The Poughkeepsie Tapes ผลงานลำดับภาพเรื่องอื่นๆ ของกรีนเบิร์กได้แก่ Escape Plan และ Sorority Row
แอนนี บลูม (Annie Bloom)—ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย
ผลงานของแอนนี บลูมปรากฏอยู่ในภาพยนตร์ใหม่โดยพี่น้องดาวเดิลเรื่อง The Coup และภาพยนตร์โดยแคทเธอรีน บรู๊คส์และดอนนา โรบินสันเรื่อง The Adventures of Beatle บลูมทำหน้าที่ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายในภาพยนตร์หลายเรื่อง รวมถึง Devil, Labou, Special, Hack! และ The Fifth Patient
นอกเหนือจากภาพยนตร์ บลูมยังได้ทำงานในซีรีส์โทรทัศน์หลายเรื่อง รวมถึงซีรีส์เอ็นบีซีเรื่อง The Contender, ซีรีส์คอเมดี เซ็นทรัลเรื่อง Halfway Home และซีรีส์ซีบีเอสเรื่อง Pirate Master อีกด้วย
คีฟัส เซียนเซีย (Keefus Ciancia)—ดนตรีโดย
การทำงานของคีฟัส เซียนเซียในการประพันธ์ดนตรีประกอบภาพยนตร์เริ่มต้นด้วยการทำงานกับที โบน เบอร์เน็ตต์ในภาพยนตร์หลายเรื่องเช่นภาพยนตร์โดยโจเอลและอีธาน โคเอนเรื่อง The Ladykillers, ภาพยนตร์โดยวิม เวนเดอร์สเรื่อง Don’t Come Knocking และภาพยนตร์โดยเจมส์ แมนโกลด์เรื่อง Walk the Line เมื่อเร็วๆ นี้ เซียนเซียทำหน้าที่เป็นผู้ประพันธ์เพลงร่วมกับเบอร์เน็ตต์ในซีรีส์เอบีซีเรื่อง Nashville และซีรีส์เอชบีโอเรื่อง True Detective
เซียนเซียได้แต่งดนตรีประกอบ The Motel Life, ซีรีส์บีบีซีเรื่อง The Fall, Good Vibrations และ Diana เขาได้ทำงานใน The Random Adventures of Brandon Generator ซีรีส์อินเตอร์แอ็กทีฟอนิเมชันของไมโครซอฟท์ ที่ได้รับรางวัลสถาบันประชาสัมพันธ์ชาร์เตอร์ปี 2013 สาขาการใช้ดิจิตอลยอดเยี่ยม
เขาได้อำนวยการผลิตอัลบัมให้กับนิกก้า คอสต้า, คัสซานดรา วิลสัน, เบนจี้ ฮิวจ์, เอฟเวอร์ลาสต์, คิมบรา, มีเชล ดีจีโอเซลโล, อะ ไฟน์ เฟรนซีและพริสซิลลา อาห์น ผลงานการบันทึกเสียงและแสดงของเขามีตั้งแต่เพลงของเอลตัน จอห์น ไปจนถึงซีโล กรีนและอลิสัน เคราส์ไปถึงอิกกี้ ป็อป